สารบัญ

เมื่อกล่าวถึงปัญหาสิวบนผิวหน้าแล้ว สิวอักเสบ เป็นสิวที่สร้างปัญหาและความกังวลให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นสิวที่มักมีขนาดใหญ่ ทำให้เกิดอาการเจ็บ ทำร้ายทำลายผิวหน้าทั้งตอนที่เกิดสิวและหลังจากสิวหาย ทิ้งร่องรอยแผลเป็นจากสิวไว้ อีกทั้ง ยังสามารถลุกลามจากหนึ่งเม็ด กลายเป็นเต็มทั่วบริเวณใบหน้าได้หากไม่รีบรักษา ดังนั้น เราควรจะมาค้นหาสาเหตุสิวและวิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้น

สิวอักเสบ คืออะไร

สิวอักเสบ หรือ Papulopustular acne ก็คือ บริเวณต่อมไขมันรูขุมขนที่เกิดการอุดตันและมีแบคทีเรียเข้าไปเติบโตอยู่ภายในจนกระทั่งอักเสบขึ้นข้างในบริเวณต่อมไขมันใต้ผิวหนัง เมื่อไปสัมผัสถูกสิวก็มักจะเกิดความรู้สึกเจ็บขึ้นในบริเวณสิวและบริเวณโดยรอบ มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สิวหัวช้าง สิวหัวหนอง สิว อักเสบ บวม แดง ที่มีลักษณะเป็นถุงใหญ่ๆ อยู่ใต้ผิว

สิวอักเสบ

สิวอักเสบเกิดจาก

สิวอักเสบเกิดจากอะไร เรามีคำตอบสำหรับสาเหตุหลักๆ ของการเกิดนั้นก็คือ

1. เกิดจากฮอร์โมน

ฮอร์โมนตัวที่มีผลต่อการทำให้เกิดสิว โดยตรงก็คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน หรือ ที่รู้จักกันว่าเป็นฮอร์โมนหลักในเพศชาย ในช่วงวัยรุ่นจะมีฮอร์โมนตัวนี้มากทำให้วัยรุ่นเกิดสิว ได้มากกว่าวัยอื่นๆ ผู้หญิงในช่วงใกล้มีประจำเดือนหรือช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนนี้จะมีปริมาณสูงขึ้นทำให้เกิดสิวอักเสบด้วย แต่สิว ที่เกิดขึ้นกับผู้ชายมักจะมีความรุนแรงมากกว่า เพราะผู้ชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมากกว่า

2. เกิดจากอาหารการกิน

อาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว ได้แก่ อาหารมัน อาหารทอด อาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว ชีส เนย แต่อาหารที่ช่วยลดการเกิดสิวจะเป็นอาหารจำพวกผัก ผลไม้สดที่มีวิตามินซีจำนวนมาก

3. เกิดจากพันธุกรรมของเราเอง

เรื่องของผิวพรรณและฮอร์โมนส่วนหนึ่งที่สำคัญมาจากพันธุกรรมที่แตกต่างกันของแต่ละคน ในบางครอบครัวอาจจะมีผิวเรียบเนียนละเอียด หรือบางครอบครัวที่มีรูขุมขนกว้าง มีการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ สูงกว่า ผิวของสมาชิกในครอบครัวมีลักษณะมันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในส่วนนี้ต้องใช้การดูแลตัวเองในด้านอื่นๆ เข้ามาช่วย

4. การใช้เครื่องสำอาง

เนื่องจากในปัจจุบัน มีเครื่องสำอางผลิตสู่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่ได้มาตรฐาน และ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายอาจเกิดการระคายเคือง ทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้น ควรเลือกสกินแคร์ที่มีความปลอดภัย และมีหมายเลขจดทะเบียนแจ้งที่ชัดเจน

5. เกิดจากการบีบสิว

เรื่องสิวเป็นปัญหากวนใจสำหรับใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสิวอุดตันที่มีอยู่เต็มใบหน้า สร้างความลำคาญให้กับใครหลายๆคน และ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราจะไม่เอามือไป ลูบ หรือ บีบสิวเพื่อกำจัดสิ่งกวนใจ แต่การ บีบสิวนั้นหารู้ไหมว่า ทำให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง และก่อให้เกิดสิวตามมาเช่นกัน ดังนั้น ไม่ควรบีบสิวเอง ควรใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการกดสิว ทำให้จะดีกว่า หรือ หากต้องการบีบจริงๆ ควรใช้ที่กดสิว มากกว่าการใช้มือบีบ

6. Bacteria แบคทีเรีย

การที่ต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมามากเกินจะทำให้ เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้แบคทีเรีย (P.acne) เจริญเติบโตได้ดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และเป็นสิวหัวหนอง บางคนเชื่อว่าสิวเกิดจากการไม่รักษาความสะอาด หรือไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง ในทางตรงกันข้าม การทำความสะอาดผิวมากเกินไป หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเกิดสิวได้มากกว่า

7. การสูบบุหรี่

เนื่องจาก บุหรี่ มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเป็นจำนวนมาก ผลของการสูบบุรี่ จะทำให้เกิดสิวได้เช่นเดียวกัน

8. การนอนดึกเป็นประจำ

โดยปกติร่างการต้องการพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง หากเราเป็นคนนอนดึกเป็นประจำ ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ การผลิตของต่อไขมันทำงานหนักขึ้น รวมไปถึงการผลัดเซลล์ผิวของร่างการผิดปกติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดสิวอุดตันและตามด้วยสิวได้

ดูแลสิวและผิวบอบบาง

9. เกิดจากไลฟ์สไตล์

การใช้ชีวิตของเราเป็นอีกปัจจัยที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกี่ยวข้องกัยการเกิดสิวโดยตรง การใช้ชีวิตในรูปแบบที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบได้แก่ การพักผ่อนที่น้อยเกินไปจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่เต็มที่จึงไม่สามารถต่อสู่กับแบคทีเรียได้ การรักษาความสะอาดผิวหน้าไม่เพียงพอ ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี พฤติกรรมของจับต้องตามใบหน้าระหว่างวัน เหล่านี้คือไลฟ์สไตล์ที่มาของการเกิดสิวได้ทั้งสิ้น

หลังจากที่เราทราบกันถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวแล้ว ลองนำไปปฏิบัติในสิ่งที่ดีและหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดสิวขึ้นได้ เพื่อที่จะมีใบหน้าเรียบเนียนปราศจากสิวกันค่ะ

ประเภทของสิวอักเสบ

สิวอักเสบมีหลายประเภทที่แตกต่างกันตามลักษณะและระดับความรุนแรง ดังต่อไปนี้

สิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)

สิวที่มีขนาดเล็กและนูนขึ้นมาเป็นตุ่มโดยไม่มีหัวหนอง มักมีสีแดงและสัมผัสได้ถึงความแข็ง เกิดจากการอักเสบภายในรูขุมขน ขนาดประมาณ 0.5 ซม.

สิวอักเสบหัวหนอง (Pustule)

สิวอักเสบชนิดนี้ เป็นตุ่มนูนที่มีหัวหนอง ปกติจะมีสีขาวหรือเหลืองที่ศูนย์กลางและล้อมรอบด้วยผิวหนังที่อักเสบสีแดง พัสดุลเกิดจากการสะสมของหนองซึ่งมีทั้งเซลล์ที่ตายแล้วและแบคทีเรีย

สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)

สิวประเภทนี้เป็นสิวที่ลึก และแข็งกว่าสิวประเภทอื่นๆ มีขนาดใหญ่และมักจะเจ็บปวด สิวประเภทนี้เกิดจากการอักเสบลึกลงไปในชั้นผิวหนัง มักทิ้งรอยแผลเป็นหลังการรักษา

สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Acne Cyst)

เป็นสิวอักเสบที่รุนแรงที่สุดประเภทหนึ่ง ประกอบด้วยถุงใต้ผิวหนังที่เต็มไปด้วยหนอง ซีสต์สามารถเจ็บปวดมากและหากไม่ได้รับการรักษาอาจทิ้งรอยแผลเป็นถาวรได้

สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

สิวหัวช้างเป็นรูปแบบหนึ่งของสิวที่รุนแรงและหายาก มีลักษณะเป็นการติดเชื้ออย่างรุนแรงที่มักเกี่ยวข้องกับสิวนูดูลและซีสต์ที่เชื่อมโยงกันเป็นกลุ่ม

วิธีรักษาสิวอักเสบ ลดสิวอักเสบ

การรักษาสิวอักเสบมีหลายวิธีตามประเภทและความรุนแรงของสิว การเลือกใช้ยาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรณีสามารถช่วยลดอาการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวอีกในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ยากลุ่ม Benzoyl Peroxide

Benzoyl peroxide เป็นหนึ่งในการรักษาที่ได้รับความนิยมสำหรับสิวอักเสบ เนื่องจากมีคุณสมบัติทั้งยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย P. acnes และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน

ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical Antibiotics)

ยาทาปฏิชีวนะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับรักษาสิวที่มีการอักเสบ เนื่องจากช่วยลดจำนวนแบคทีเรียบนผิวหนังและลดปฏิกิริยาอักเสบ ยาทาปฏิชีวนะที่ใช้บ่อย ได้แก่ clindamycin และ erythromycin มักใช้ร่วมกับยาอื่นๆ เช่น benzoyl peroxide เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

ยาทาเรตินอยด์ (Retinoids)

เรตินอยด์เป็นสารที่ได้มาจากวิตามินเอ มีหลายรูปแบบที่ใช้สำหรับการรักษาสิว เช่น tretinoin และ adapalene รวมไปถึง tazarotene ยาเหล่านี้ทำงานโดยการป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและเร่งการผลัดเซลล์ผิว เพื่อลดการสะสมของเซบัมและเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่สามารถนำไปสู่การอักเสบของสิว