เชื่อได้เลยว่าหลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์ที่ต้องพบเจอกับ ‘สิวหัวช้าง‘ กันมาบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นสิวที่เกิดขึ้นแล้วจะเจ็บปวด ระบมหน้ามาก แถมยังมีขนาดใหญ่เห็นได้อย่างชัดเจน จนบางครั้งเราไม่อยากออกจากบ้านกันเลยทีเดียว วันนี้ AquaPlus มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับสิวหัวช้างมาฝากกันค่ะ ทั้งสาเหตุการเกิด และวิธีการรักษาไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็น
สิวหัวช้าง คืออะไร?
เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ หากใช้นิ้วกดลงที่สิวจะรู้สึกว่าเป็นเม็ดไตแข็ง ๆ และเจ็บ ซึ่งอาจเป็นแบบมีหัวหรือไม่มีหัวก็ได้ ถ้าเป็นแบบมีหัวอาจพบหัวตั้งแต่ 1-3 หัวในสิวหนึ่งเม็ดเลยทีเดียว จัดว่าเป็นสิวที่มีความรุนแรงมาก เพราะทำการรักษายาก สร้างความเจ็บปวด และมักจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้เสมอ และหากมีการบีบเค้นหรือแกะเกาสิวให้แตกออกด้วยแล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่หรือหลุมลึกที่รักษายากบนผิวหน้าของเราอีกด้วย ถือว่าเป็นสิวที่ไม่อยากให้เกิดบนผิวหน้ามากที่สุดเลยล่ะค่ะ
โดยเริ่มแรกของการเกิดหัวช้างคือ จะขึ้นเป็นสิวเม็ดเล็กคัน ๆ และกดแล้วจะรู้สึกเจ็บ ๆ ก่อน จากนั้นสิวนั้นจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ผิวหนังบริเวณเม็ดสิวก็มีอาการเจ็ดปวดบวมแดง กลายเป็นสิวหัวช้าง
สาเหตุการเกิด
มีสาเหตุการเกิดหลายสาเหตุ แต่โดยรวมแล้วมักจะคล้าย ๆ กับการเกิดสิวทั่วไป ได้แก่
ฮอร์โมน
ในวัยรุ่นมักจะเจอสิวประเภทนี้มากกว่าคนทุกวัย เพราะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งในผู้ชายจะเป็นสิวหัวช้างได้ง่ายกว่า เพราะในผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) สูง ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายนั่นเอง
การอุดตัน
หากบนผิวหน้ามีความมันและเกิดการอุดตันมาก ก็จะทำให้เกิดสิวหัวช้างได้ง่ายขึ้น เพราะน้ำมันบนใบหน้าจะทำให้ฝุ่นและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวเกาะรวมกันและเข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนทำให้ผิวอักเสบและเกิดสิว
ล้างหน้าไม่สะอาด
อีกหนึ่งปัจจัยหลัก ๆ ในการเกิดสิวประเภทนี้คือ การล้างหน้าไม่สะอาด หรือบางครั้งที่เรารู้สึกขี้เกียจและไม่อยากล้างหน้า นอนหลับไปโดยไม่ได้ทำความสะอาดหน้าเลย ก็จะทำให้เกิดการสะสมและอุดตันของสิ่งสกปรก ทำให้เกิดสิวตามมาได้ในภายหลัง
ดื่มน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ
การดื่มน้ำน้อยเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เพราะผิวจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จนก่อให้เกิดการอุดตันของสิว อีกทั้งความเครียดยังทำให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น มีน้ำมันออกมามากขึ้น จนทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย
วิธีรักษาไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็น
ไม่บีบเค้นสิวให้แตกออก
เริ่มแรกเลยคือ ห้ามบีบเค้นสิวหัวช้างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นแบบมีหัวหรือไม่มีหัวก็ตาม ควรรักษาแบบให้สิวแก่ตัว แตกเอง และยุบตัวลงอย่างช้า ๆ จนหายไปในที่สุดจะดีกว่า เพราะการบีบสิวในหนองแตกออกมานั้น จะทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่หรืออาจเกิดหลุมสิวลึกก็ได้ ซึ่งจะทำการรักษายากกว่าการรักษาสิว
ล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า–เย็น
การล้างหน้าให้สะอาดจะทำให้ช่วยลดการอุดตันและลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การล้างหน้าที่ดีไม่ควรล้างบ่อยจนเกินไป ให้ล้างแค่วันละ 2 ครั้ง เช้า–เย็น ก็เพียงพอแล้ว เพราะการล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวหน้าแห้งและขาดความชุ่มชื้น ตรงนี้จะทำให้ต่อมไขมันใต้รูขุมขนกระตุ้นการผลิตน้ำมันออกมาบนใบหน้ามากขึ้น และทำให้หน้ามัน จนเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นนั่นเอง
แต้มสิวด้วยยารักษาสิว
สิวหัวช้างมีลักษณะอักเสบอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยตัวยาที่ใช้สำหรับรักษาสิว ซึ่งกลุ่มตัวยาที่ใช้กันทั่วไปนั่นก็คือ กลุ่มยา เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาสิวโดยเฉพาะ โดยไปช่วยในการลดการอุดตัน ลดการอักเสบของสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยผลัดเซลล์เก่ามากขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะตัวเหล่านี้จะทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอาจมีข้อควรระวังในการใช้ยานั้นก็คือ อาจทำให้แสบผิวและเกิดผิวลอกได้ ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีมอยส์เจอไรเซอร์ร่วมด้วย ก็จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
ดื่มน้ำเยอะๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การปรับพฤติกรรมให้ร่างกายมีความสมดุล แข็งแรง ไม่เครียด จะช่วยรักษาและป้องกันการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ การดื่มน้ำเยอะๆ การทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ผิวหน้าของเราสวยใสไร้สิวค่ะ