รักษาสิว ง่ายกว่าที่คิด!
เรื่องของสิว นอกจากจะเป็นอะไรที่กวนใจและไม่อยากเกิดบนหน้าเราแล้ว บางครั้งอาจทำให้เราเจ็บจากอาการอักเสบได้อีกด้วย โดยเฉพาะสิวอักเสบ มีหนองร่วมด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก วันนี้ AquaPlus Thailand เลยมีคำแนะนำในการรักษาสิวประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผดผื่น มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ วันนี้ทุกคนจะได้รู้ว่าการดูแลรักษานี่ก็ทำได้ง่ายๆ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
1. รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
วิธีนี้เป็นวิธีเริ่มแรกเบื้องต้นในการรักษาเลยค่ะ ซึ่งก็มีตั้งแต่
การดูแลผิวหน้า
ตั้งแต่การล้างหน้า ควรล้างเพียงวันละ 2 ครั้งเท่านั้น คือ เช้า–เย็น ไม่ควรล้างหน้ามากเกินไป เพราะจะทำให้หน้าแห้งและทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และหากแต่งหน้าก็ให้ใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน และการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อป้องกันการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมาป้องกันผิวจากแสงแดด
กิจวัตรประจำวัน
เช่น นอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ไม่บีบเค้นสิว หรือ แคะ แกะ เกา สิว เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ รวมถึงการออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดสิวได้ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ก็จะช่วยลดการเกิดสิวได้
อาหารและการกิน
หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ทำให้เกิดสิว จำพวกที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เช่น เค้ก น้ำอัดลม ขนมปังขัดขาว อาหารทอด และประเภทอาหารฟาสต์ฟู้ด เพราะน้ำตาลและไขมันที่สูงจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายมากขึ้น
2. รักษาด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ
เป็นอีกวิธีสุดฮิตในการรักษา ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น
การมาร์คหน้าสูตรธรรมชาติ
เป็นการนำสมุนไพรต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ในการรักษาสิวมาพอกหน้า เพื่อลดการอักเสบของสิว ช่วยให้สิวแห้งและยุบตัวด้วยสารจากธรรมชาติ การมาร์คหน้าสูตรธรรมชาติ หรือ สมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ในการมาสก์ก็อย่างเช่น มะขามเปียก มะนาว ไข่ขาว นมสด โยเกิร์ต มะเขือเทศ ดินสอพอง น้ำผึ้ง เป็นต้นค่ะ
การทำโทนเนอร์จากธรรมชาติ
โทนเนอร์ช่วยทำความสะอาดผิวให้สะอาดล้ำลึกมากขึ้น ช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขนและลดการเกิดสิวได้ มีโทนเนอร์จากวัตถุดิบธรรมชาติหลายสูตรเลยเชียวค่ะ เช่น สูตรแอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล นำมาผสมน้ำในอัตราส่วน น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล 1 ส่วน และน้ำเปล่า 2 ส่วน เก็บใส่ขวดและเอาไว้เช็ดเป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิวหน้า สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน
3. การรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลสิว
หากเรามีผิวที่เป็นสิวง่าย แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการเกิดสิวโดยเฉพาะเลยค่ะ ตั้งแต่ คลีนซิ่ง โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ ครีมบำรุงผิวหน้า มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด และอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นสูตรที่ปราศจากน้ำมัน แอลกอฮอล์ หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้และทำให้เกิดสิว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเกิดสิวแล้ว บางตัวก็ช่วยในการฟื้นฟูบำรุงผิว ลดรอยดำ รอยแดง จากสิว รวมถึงยังช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดสิวและเผยผิวกระจ่างใสได้แล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาและสะดวกในการใช้ด้วยค่ะ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องสิว ดูแลเรื่องสิวเป็นประจำก็จะทำให้ผิวหน้าห่างไกลจากสิว ผิวแข็งแรง
4. การรักษาด้วยตัวยา
บางครั้งหากมีการเกิดสิวอย่างรุนแรงมาก ๆ อาจต้องใช้ตัวยารักษาสิว ซึ่งตัวยาก็มีทั้งแบบทาและแบบกิน เราจะมาดูทั้งสองแบบกันนะคะ
ตัวยาแบบทา
ตัวยาที่มีฤทธิ์ในการรักษาก็มีหลายตัวเลยทีเดียวค่ะ เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) พีเอชเอ (PHA) กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid) กรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid) และ กรดอะซีเลอิค (Azelaic Acid) ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical antibiotics) กรดไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) เป็นต้น ซึ่งตัวยาเหล่านี้นิยมใช้ในการแต้มตรงจุดสิวโดยเฉพาะเท่านั้น ไม่นิยมทาไปทั่วทั้งหน้า เพราะมีฤทธิ์แรงอาจทำให้เกิดการแพ้และระคายเคือง และมีข้อควรระวังในการใช้คือ อาจทำให้ผิวลอก ระคายเคือง และทำให้ผิวไวต่อแสง ซึ่งต้องอาจหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง อาจต้องทาครีมกันแดดและใส่หมวกก่อนออกจากบ้าน
ตัวยาแบบกิน
สิวบางชนิดอาจเกิดการอักเสบและเป็นหนองอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการเจ็บปวดจากการอักเสบของผิวหนัง การทายาอย่างเดียวอาจไม่พอ จึงต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ในการรักษาแบบกินร่วมด้วย เพื่อบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง แต่มีข้อควรระวังในการกินแตกต่างกันออกไป อาจต้องปรึกษาเภสัชหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และไม่ควรกินต่อเนื่องนานมากเกินไป เพราะบางตัวอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา ตัวยารักษาสิวแบบกิน เช่น ยาปฏิชีวนะ อย่าง Tetracyclin, Erythromycin, Minocycline Doxycycline ฮอร์โมน อย่าง Estrogen และยาคุมกำเนิด
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับคำแนะนำในการดูแลรักษาสิว และปัญหาผิวต่างๆ ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ใช้ 3 วิธีแรกก่อนนะคะ วิธีที่ 4 ให้เป็นวิธีสุดท้ายในการเลือกใช้ เพราะตัวยาต่างๆ มักมีความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะยาสำหรับกิน ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ จึงต้องปรึกษาเภสัชหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ตัวยาในการรักษานะคะ