
สารบัญ
จริงอยู่ว่าเรื่องสุขภาพ ความสวยความงามเป็นศาสตร์แบบองค์รวม ที่เน้นเรื่องอาหารการกิน หรือปัจจัยภายในมาเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นเหมือนพื้นฐานที่พึงปฏิบัติมากที่สุด เพราะยิ่งพื้นฐานภายในร่างกายที่ดี มีความแข็งแรงจากภายในมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลต่อเนื่องกันทั้งระบบ และสะท้อนออกมาที่ภายนอกให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าเราดูแลตัวเองดีหรือไม่
แต่กระนั้นในยุคปัจจุบันที่ชีวิตเต็มไปด้วยการแข่งขัน เร่งรีบ ทั้งความเครียดสะสม ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบ หรือบางคนเข้าขั้นบกพร่อง รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เน้นกินเร็วกินด่วน (Fast Food) แทบทุกมื้อ หรือบางคนชีวิตเร่งรีบวุ่นวายจนรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือข้ามมื้ออาหารไปเลยก็ได้ นอกจากจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน บางครั้งยังเกิดโรคอื่นๆ จากการการไม่รับประทานอาหารตามมาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยแวดล้อมทั้งหลาย ที่คอยไล่ต้อนเราให้จนมุมอีกเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง ที่ต้องอยู่ท่ามกลางฝุ่น ควัน มลภาวะมากมาย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมร่างกายจึงทรุดโทรม ผิวพรรณแลดูหมองคล้ำได้ นำมาซึ่งโรคภัยและปัญหาสิวกวนใจทำให้ขาดความมั่นใจทุกครั้งที่ส่องกระจก แม้การกอบกู้ แก้ไขอาจจะเป็นงานยาก แต่จะไม่ยากเกินไปถ้าเริ่มต้นทันทีที่รู้ตัว
ได้เวลาปฏิวัติตัวเองใหม่ เริ่มต้นจากภายใน หันมาใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกินอีกครั้ง ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น ไม่ว่าอย่างไรทั้งสุขภาพ ระบบการทำงานภายในร่างกาย รวมทั้งผิวพรรณต่างๆ ก็มีน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลทุกระบบการทำงาน และเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยมในเรื่องการดูแลผิว กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หาสมดุลการกินให้เหมาะสมกับตนเอง อย่าตามใจปากอย่างเดียว นอกจากนี้ Work Life Balance ต้องจัดเสียใหม่ มีเวลาให้กับการออกกำลังกาย เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายที่ทำงานเป็นปกติมากขึ้น ผิวที่เคยทรุดโทรมหมองคล้ำ ผิวขาดน้ำ ขาดความยืดหยุ่น แห้งกร้าน ไม่สดใส ก็กลับมาดูกระจ่างมีสุขภาพดีด้วยเช่นกัน
เสริม Brightening ด้วยปัจจัยภายนอก
เมื่อมั่นใจว่าลุกมาปฎิวัติปัจจัยภายในแล้ว ต่อมาก็ต้องเสริมด้วยปัจจัยภายนอกดูแลควบคู่กันไป ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณก็ยากขึ้นแปรผันตรงกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องพึ่งพานวัตกรรมทางการแพทย์ หรือฝีมือคุณหมอบ้าง ในบางรายที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วทันใจ หรือสภาพผิวที่โทรมยากจะเยียวยา แต่สุดท้ายแล้ว ถึงจะเรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจขึ้น ผ่านการดูแลโดยคุณหมอแล้ว แต่สกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวก็เป็นสิ่งจำเป็นมากที่ต้องทำควบคู่กันไป เหมือนเป็นส่วนที่ต้องช่วยกันประคับประคองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ผิวหมองคล้ำแก้ด้วย “สกินแคร์ผิวกระจ่างใส” (Brightening Skincare)
ปัญหาใหญ่ของคนวัยทำงาน และคนเมืองทั้งหลาย หนีไม่พ้นเรื่องของผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากการละเลยดูแลตัวเอง ดังนั้นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ผิวกระจ่างใส หรือ Brightening Skincare คือกุญแจสำคัญสู่การไขปัญหาผิวเสียดังกล่าว ซึ่งกลไกการทำงานของสกินแคร์เพื่อผิวกระจ่างใสนั้น มุ่งเน้นเรื่องข่วยลดปัญหาที่สีผิว อันเกิดจากเม็ดสีหรือเมลานินในร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวเข้ม หมองคล้ำ หรือเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ โดยมีตัวเร่งให้การทำงานของเม็ดสีเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรม ฮอร์โมน สารเคมี และแสงดดเป็นต้น
Brightening Skincare ที่ดีต้องอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว
เมื่อเราไม่ป้องกัน เช่น การทาครีมกันแดด เม็ดสีเพิ่มจำนวนรวดเร็วปัญหาข้างต้นก็ตามมาไม่ทันตั้งตัว ซึ่งหลายคนอยากได้ผลลัพธ์รวดเร็วก็มักจะพึ่งพาสกินแคร์ในกลุ่มของการฟอกสี ผิวขาวเร็วจริง แต่ปัญหาตามมาอีกมากมาย และอาจทำให้ผิวหมองคล้ำกลับมาอีกครั้งอย่างยากจะแก้ไข ดังนั้น Brightening หรือสกินแคร์ในกลุ่มดูแลเพื่อผิวกระจ่างใส จึงเป็นการช่วยเยียวยา และปรับสภาพผิวอย่างอ่อนโยนกว่า ทั้งนี้มาจากส่วนผสมและเทคโนโลยีของแต่ละแบรนด์สกินแคร์เป็นสำคัญ ที่ไม่เพียงแต่มีส่วนช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ไม่ให้ผิวยิ่งหมองคล้ำหรือมีปัญหาไม่มากว่านี้ หลายผลิตภัณฑ์ยังมีส่วนช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น ลดสีผิวคล้ำเข้ม บางชิ้นดีไซน์ออกมาให้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะจุดที่กังวล เพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอกันอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด และส่วนใหญ่ Brightening สูตรที่เป็นมิตรและอ่อนโยนต่อผิว มักมีส่วนผสมที่ช่วยถนอมและบำรุงผิวไปด้วย เช่น ส่วนผสม หรือเทคโนโลยีที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อทำให้ผิวแข็งแรงไปพร้อมกัน เป็นต้น
[message_box bg=”#ffa500″] อ่านเพิ่มเติม: 6 วิธีง่ายๆ พิชิต “ผิวกระจ่างใส” [/message_box]
ส่วนผสมที่ช่วยคืนผิวกระจ่างใส
ส่วนผสมที่ช่วยคืนผิวกระจ่างใส ได้แก่ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acid หรือกรดผลไม้ ซึ่งได้มาจากการสกัดจากผลไม้ชนิดต่างๆ อาทิ กรดซีตริก จากมะนาว ส้ม หรือแอปเปิ้ล กรดแลกติก จากนมเปรี้ยว เป็นต้น นอกจากจะช่วยเรื่องการชะลอวัยแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวพร้อมกระตุ้นการเจริญ(แทนที่) ของเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้น ทั้งนี้ผลข้างเคียงของ AHA ที่พบบ่อยได้แก่เรื่องของอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบผิวได้ จึงควรเลือกปริมาณของ AHA ที่ไม่เข้มข้นมากเกินไป และไม่ควรใช้บ่อยเพราะอาจทำให้ผิวแห้งและบางได้ในที่สุด (หรือควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์)
BHA หรือ Beta Hydroxy Acid
หรือหลายคนรู้จักกันในนาม Salicylic Acid เป็นกรดที่สังเคราะห์ขึ้นมา โดยจะคงทนมากกว่ากรดธรรมชาติอย่าง AHA ซึ่งมีกลไกทำงานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำให้ผิวแข็งกระด้างอ่อนนุ่มลง ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า หรือเซลล์ผิวหมองคล้ำ กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลไกที่ช่วยลดปัญหาสิวได้อีกด้วย ส่วนใหญ่ BHA จะก่อกวนผิวน้อยกว่า AHA แต่กระนั้นก็ไม่ควรใช้เป็นประจำ หรือในประมาณที่มาก และใครที่รู้ตัวว่าผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ หรือใช้ในปริมาณน้อย หรือไม่ติดต่อกัน
Vitamin C
เป็นส่วนผสมยอดนิยมและจัดว่าปลอดภัยสำหรับ Brightening Skincare เนื่องจากในวิตามินซี มีส่วนประกอบและกรดจำนวนมาก อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของผิวได้ ช่วยดูแลปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลดเลือนริ้วรอย ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ นอกจากนี้อนุพันธุ์บางชนิดในวิตามินซีก็มีส่วนช่วยคืนความแข็งแรงให้ผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำหรือเสื่อมสภาพ ให้ผิวกลับมาดูกระจ่างใสอีกครั้ง ทั้งนี้อาจก่อการระคายเคืองให้ผิวได้ เนื่องจากวิตามิน C มีคุณสมบัติเป็นกรด ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ปริมาณวิตามิน C กระบวนการสกัดและผลิต