อื่นๆ
8 วิธีทําให้หน้าใส! เกี่ยวกับคลีนซิ่งที่คุณไม่ควรพลาด!
มี.ค.
สารบัญ
คลีนซิ่ง เป็นไอเทมทำความสะอาดผิวที่เราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเลยทีเดียวค่ะ เพราะในแต่ละวันผิวหน้าของเราของเจอกับมลภาวะและเมคอัพต่าง ๆ มากมายที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำหรือโฟมล้างหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด ทำให้คลีนซิ่งเป็นไอเทมสำคัญในการทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการอุดตันและการเกิดสิว
แต่ 8 วิธีทําให้หน้าใส เกี่ยวกับคลีนซิ่งที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาด จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
คลีนซิ่งมีหลายแบบ ไม่ได้มีแค่สูตรน้ำเท่านั้น
หลายคนอาจจะคุ้นชินกับคลีนซิ่งน้ำที่มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ แต่ในความจริงแล้ว คลีนซิ่งไม่ได้มีแค่สูตรน้ำเท่านั้น คลีนซิ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 7 แบบ ได้แก่
- คลีนซิ่งน้ำ มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ใช้หยดลงบนสำลีแล้วเช็ดออก
- คลีนซิ่งออยล์ เป็นคลีนซิ่งที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
- คลีนซิ่งน้ำนม เป็นคลีนซิ่งที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเช่นเดียวกัน แต่มีความอ่อนโยนมากกว่า มีลักษณะเป็นเนื้อน้ำนมข้นๆ
- คลีนซิ่งเจล มีลักษณะเป็นเจลที่บางเบา มีความอ่อนโยนสูงมาก ทำให้ใช้เวลาในการทำความสะอาดผิวหน้านานกว่าสูตรอื่น
- คลีนซิ่งแผ่น เป็นคลีนซิ่งแบบพกพาที่ใช้งานง่าย สะดวก และรวเร็ว เป็นแผ่นๆ คล้ายทิชชูเปียก
- คลีนซิ่งครีม มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ให้ความชุ่มชื้นสูงมาก และมีสารบำรุงผิวในตัวด้วย
- คลีนซิ่งบาล์ม มีลักษณะเป็นเนื้อบาล์ม มีความเหนียวสูง แต่เป็นสูตรอ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นสูง
คลีนซิ่งแต่ละสูตร เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน
คลีนซิ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละสูตรก็จะมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คลีนซิ่งแต่ละสูตรก็จะเหมาะกับผิวคนละแบบ หากเลือกใช้ไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้เกิดสิว ผิวแห้ง หรือแพ้ได้ โดยที่คลีนซิ่งแต่ละสูตรก็จะเหมาะกับผิว ดังนี้
- คลีนซิ่งน้ำ เหมาะกับผิวมัน และ ผิวผสม
- คลีนซิ่งออยล์ เหมาะกับผิวแห้ง
- คลีนซิ่งน้ำนม เหมาะกับผิวเป็นสิวง่าย
- คลีนซิ่งเจล เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- คลีนซิ่งแผ่น เหมาะกับทุกสภาพผิว
- คลีนซิ่งครีม เหมาะกับผิวแห้งถึงแห้งมาก
- คลีนซิ่งบาล์ม เหมาะกับทุกสภาพผิว
ซึ่งความเหมาะสมระหว่างคลีนซิ่งกับผิวถูกแบ่งโดยคุณสมบัติพิเศษของแต่ละแบบ เช่น คลีนซิ่งน้ำที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ก็จะทำให้ผิวไม่มันและช่วยลดความมันด้วย แต่หากคนผิวหน้าแห้งใช้คลีนซิ่งน้ำ ก็อาจจะทำให้ผิวหน้ายิ่งแห้งหนักมากกว่าเดิม ทำให้คนผิวแห้งต้องใช้คลีนซิ่งออยล์หรือคลีนซิ่งครีม ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้นและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
คลีนซิ่งไม่ได้เช็ดออกแค่คราบเครื่องสำอางเท่านั้น
หลายคนมักจะคุ้นชินว่า คลีนซิ่งใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางให้หลุดออก เพื่อไม่ให้เข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนทำให้เกิดเป็นสิว แต่ความจริงแล้ว คลีนซิ่งยังช่วยทำความสะอาดคราบต่างๆ ที่ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า หรือ โฟมล้างหน้าได้ เช่น คราบความมันและฝุ่นละอองที่มาจากท่อไอเสีย การก่อสร้าง ควันจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ คราบเหล่านี้คลีนซิ่งก็จะช่วยกำจัดออกไป ทำให้ผิวสะอาดมากขึ้นนั่นเอง
คลีนซิ่งมีวิธีการใช้ 3 แบบ
คลีนซิ่งไม่ได้มี วิธีทําให้หน้าใส แค่การใช้แค่การเช็ดด้วยสำลีอย่างเดียว แต่คลีนซิ่งมีวิธีการใช้ 3 แบบตามชนิดของคลีนซิ่ง ได้แก่
- หยดคลีนซิ่งลงสำลีแล้วเช็ดคราบออก ได้แก่ คลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งออยล์ และคลีนซิ่งเจล
- นวดบนผิวหน้าแล้วล้างออก ได้แก่ คลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งครีม คลีนซิ่งบาล์ม
- เป็นแผ่นเช็ดได้เลย ได้แก่ คลีนซิ่งแผ่น
คลีนซิ่งช่วยป้องกันการอุดตันและการเกิดสิว
คลีนซิ่งจะช่วยกำจัดคราบต่าง ๆ ที่เคลือบอยู่บนใบหน้า ให้หลุดออกไปอย่างง่ายดาย ทำให้ช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขนได้ อีกทั้งคลีนซิ่งบางตัวยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ตรงนี้ก็จะช่วยลดการอุดตันได้เช่นเดียวกัน
คลีนซิ่งจำเป็นมากสำหรับคนเป็นสิว
สิว เกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกที่เข้าไปอยู่ในรูขุมขนจนทำให้ผิวเกิดการอักเสบและเป็นสิว คลีนซิ่งจึงเป็นตัวที่ช่วยดูแลรักษาสิวให้มีการอักเสบน้อยลงและลดการอุดตันในรูขุมขน จากการที่คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจดและทำให้คราบเหล่านั้นหลุดออก ไม่เข้าไปสะสมและอุดตันในรูขุมขน
คลีนซิ่งที่ปลอดภัยต้องไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
คลีนซิ่งที่ปลอดภัยต้องไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน เป็นต้น เพราะหากคลีนซิ่งมีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแล้วล่ะก็ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เกิดสิว และอาจทำให้มีอาการแพ้ แสบ คันได้
คลีนซิ่งที่ดีต้องคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
คลีนซิ่งที่ดีกับผิวหลังใช้เสร็จแล้วควรให้ความชุ่มชื้นกับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เพราะหากใช้คลีนซิ่งแล้วผิวแห้งตึงบ่อยๆ อาจทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและมีการผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง