สารบัญ
บางคนอาจเคยสงสัยว่า สิวเม็ดข้าวสาร หรือ Milia คืออะไร เป็นสิวอีกหนึ่งสิวที่รักษายาก กว่าจะหายก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะเป็นสิวลักษณะแข็งกว่า สิว ประเภทอื่นๆ วันนี้ AquaPlus จะพาทุกคนไปรู้จักเกี่ยวกับสิวเจ้าปัญหา สาเหตุ การรักษา และการป้องกันมีอะไรบ้าง ซึ่งบางทีสิวประเภทเดียวกันแต่ปัญหาและที่มาของสิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากต้องการค้นหาปัญหาของคุณแบบเจาะลึกสามารถคลิกที่นี้เพื่อ ทางเรามีคำแนะนำให้พร้อมวิธีการดูแลรักษาตามสาเหตุและสภาพอาการของท่าน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
สิวเม็ดข้าวสาร
หรือ สิวหิน คือ สิวที่มีลักษณะสีขาวไข่มุก มีขนาดเล็กประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่สิวข้าวสารมักจะเกิดบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก ใต้ตา และเปลือกตา ซึ่งสามารถพบได้ตั้งแต่ในเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ
สิวเม็ดข้าวสารใต้ตา
สิวเม็ดข้าวสารใต้ตาไม่ใช่สิวในแบบที่เรารู้จักทั่วไป แต่เป็นความผิดปกติของต่อมไขมันซึ่งผลิตน้ำมันเกินขึ้นมา โดยมักเป็นไขมันที่ถูกเก็บรักษาไว้ใต้ผิวหนังและไม่มีทางออก ส่งผลให้เกิดตุ่มนูนขนาดเล็กและแข็ง เหมือนเม็ดข้าวสาร ที่บริเวณใต้ตา ปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงกรรมพันธุ์ การแก่ชรา หรือการอุดตันของต่อมไขมัน
สาเหตุการเกิดสิวเม็ดข้าวสาร
สิวเม็ดข้าวสารมีสาเหตุการเกิดอยู่หลายปัจจัย ซึ่งเราจะแบ่งออกเป็นสิวที่เกิดขึ้นตามวัย ได้แก่
-
สิวข้าวสารในเด็กทารก
ในเด็กทารกมักจะพบสิวแบบนี้บ่อยกว่าทุกช่วงวัย เพราะเด็กทารกต่อมไขมันยังมีการเติบโตไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดสิวลักษณะนี้ได้ โดยสิวลักษณะนี้ในเด็กทารกจะหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์
-
สิวข้าวสารในวัยรุ่น เด็ก และผู้ใหญ่
บางครั้งอาจเกิดจากเส้นใยเคราตินที่อยู่ใต้ผิวหนังรวมตัวสะสมกันจนเกิดเป็นสิวข้าวสาร หรือ อาจเกิดจากอาการผิดปกติบางอย่างที่ผิวหนัง เช่น กลุ่มอาการการ์ดเนอร์ (Gardner Syndrome) มะเร็งผิวหนังบางชนิด หรือความผิดปกติทางพันธุกรรมอื่นๆ โดยมักจะเกิดตรงบริเวณเปลือกตา หน้าผาก อวัยวะเพศ และบริเวณรอยพับจมูกในเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์หรืออาจอยู่นานหลายเดือนเลยก็ได้
ชนิดของสิวเม็ดข้าวสาร
โดยสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้
-
สิวแบบราบ
เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแล้วเกิดเป็นก้อนยาวแข็งแบบราบ ในบางรายอาจขึ้นยาวหลายเซนติเมตร มักเกิดที่บริเวณหลังหู แก้ม เปลือกตา และกราม เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคน
-
สิวแบบแผลเป็น
เป็นสิวที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความบาดเจ็บที่บริเวณผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ พุพอง เป็นผื่น เป็นแผลจากไฟไหม้ การถู ขัด หรือเสียดสีที่ผิวหนังซ้ำๆ หรืออาจเกิดจากการที่ต่อมไขมันและรูขุมขนถูกรบกวนซึ่งสิวชนิดนี้มักจะเกิดตรงบริเวณนิ้วมือและหลังมือ
-
สิวแบบแตกได้
สิวชนิดนี้พบได้ยาก แต่หากเป็นแล้วจะขึ้นเป็นจำนวนมาก หลายเม็ด และใช้เวลารักษานาน สิวแบบแตกออกได้ เมื่อแตกออกแล้วจะกลายเป็นแผลเป็น และอาจมีอาการคันเกิดขึ้นในบางราย มักจะพบที่ตรงบริเวณใบหน้า แขนช่วงบน และลำตัวช่วงบน
-
สิวที่เกิดจากยา
เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ฟลูออโรยูราซิล ไฮโดรควิโนน และครีมหรือตัวยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
สิวเม็ดข้าวสาร วิธีรักษา
การดูแลสามารถทำได้หลากหลายวิธีมาก ได้แก่
-
การรักษาด้วยเข็มกดสิว
การดูแลสิวชนิดนี้นั้น จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงทุกคนมีที่กดสิวสักอัน แล้วนำด้านเข็มนั้นกดลงไปที่หัวสิว จากนั้นก็เอาอีกด้านหนึ่งกดลงบนสิวรอย่างเน้น ๆ จนสิวเม็ดนั้นดันออกมาข้างนอกเอง แต่การทำวิธีนี้ อาจจะทำให้ผิวอักเสบมาก ๆ จนเกิดเป็นรอยแผลได้ ถ้าเกิดว่าไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองมากพอ ก็ให้ไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ใช้วิธีนี้กำจัดสิวให้จะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของผิวของเรานะคะ
-
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขนมาใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อมาดูแลสิวอย่างตรงจุด เช่น โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ เอเอชเอและบีเอชเอ เป็นต้น
-
การรักษาด้วยปูนแดง
วิธีการรักษานี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ได้ผลดีเกินคาด แถมใช้งบไม่เยอะ แค่นำปูนแดงมาผสมน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำมาแต้มไว้ตรงสิวหินวันละ 1-2 ครั้ง ใช้เป็นประจำ แล้วสิวนั้นจะแห้งพร้อมหลุดออกไปเองโดยไม่ต้องใช้แรงกดใดๆ ให้เจ็บเลยค่ะ
-
การรักษาด้วยเลเซอร์
วิธีการรักษานี้ เป็นวิธีสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ เพราะในขั้นตอนนี้สาวๆ ต้องหาคลินิกที่น่าเชื่อถือได้และได้มาตรฐาน และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีการตรวจเช็คสภาพผิวว่าสามารถทำเลเซอร์ได้ไหม เพราะสภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป วิธีการนี้เป็นวิธีการที่รวดเร็ว สะดวกที่สุด และไม่ทิ้งรอยแผลไว้ให้ลำบากใจอีกต่อไป แต่ก็ต้องมาควบคู่กับงบค่าใช้จ่ายที่สูงมากเช่นกัน
วิธีการป้องกัน
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดความอุดตัน
- ลดการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางให้น้อยลง เพื่อลดการอุดตันที่ทำให้เกิดสิว
- ทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนซิ่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รูขุมขนสะอาดมากขึ้นและไม่เกิดการอุดตัน
- ทาครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอมหรือสารระคายเคือง เพื่อลดการเกิดสิวและลดความอุดตันมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน ๆ เพราะอาหารมัน ๆ จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันและทำให้เกิดสิวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สรุป
หลายคนอาจสับสนระหว่างสิวแบบนี้กับสิวหัวขาว ซึ่งหากมองดูตาเปล่าอาจจะดูคล้ายกัน แต่สิวสองประเภทนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดมีสาเหตุการเกิดที่แตกต่างกัน สิวชนิดนี้นั้นเกิดจากเซลล์ผิวที่อุดตันฝังลึกและไม่สามารถผลักลอกได้ตามธรรมชาติอันเนื่องด้วยหลากหลายสาเหตุ ดังน้้นวิธีการที่เข้าจัดการปัญหาได้ตรงจุดที่สุดคือการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด ไม่ให้ผิวมันและมีสารตกค้าง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ขจัดสิ่งสกปรกอุดตันลึกในระดับเซลล์ผิวชั้นล่าง แต่ควรระมัดระวังผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงและกระทบต่อผิวหน้า เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและรบกวนต่อผิวหน้าให้น้อยที่สุด