การใช้โทนเนอร์: ที่ถูกต้อง ถ้าเกิดเราใช้ผิดชีวิตอาจจะเปลี่ยนได้

หากพูดถึง โทนเนอร์ แล้วสำหรับใครหลายๆคน ก็คงคุ้นชินและกำลังใช้อยู่กันเป็นประจำ  นอกจากการทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือ การทาบำรุงเพื่อดูแลผิวแล้ว การใช้โทนเนอร์เป็นตัวแทรกระหว่างหลังล้างหน้า และก่อนลงบำรุง เป็นสิ่งสำคัญมากๆในปัจจุบันนี้ เนื่องจากโทนเนอร์ มีคุณสมบัติที่โดดเด่น ช่วยทำให้ผิวหน้าของเรามีความสะอาด ปรับค่า PH ให้เหมาะสมกับผิวเพื่อให้ผิวพร้อมกับการทาบำรุงในขั้นต่อไป ลดความมันส่วนเกิน กระชับรูขุมขน และ ทำให้เกิดสิวขึ้นน้อยลงด้วย แต่สำหรับมือใหม่ที่พึ่งจะเริ่มต้นในการดูแลผิวพรรณ ก็อาจจะสับสน และกำลังสงสัยว่า จริงๆแล้ว โทนเนอร์มีวิธีใช้โทนเนอร์ตอนไหน ใช้อย่างไร และใช้ในขั้นตอนไหนของการบำรุงผิว วันนี้แอดมินมีคำตอบมาบอกกันค่ะ

ต้องบอกก่อนว่า จริงๆแล้ว ขั้นตอนของการใช้ โทนเนอร์ ในการดูแลผิว คือการ ทำความสะอาดครั้งสุดท้ายก่อนการลงบำรุงผิว เพื่อให้มั่นใจว่า ผิวและรูขุมขนของเราสะอาดอย่างแท้จริง และพร้อมกับการที่จะลงบำรุงในขั้นตอนต่อไป  นอกจากคุณสมบัติของ โทนเนอร์ ที่ใช้เพื่อทำความสะอาดแล้วนั้น ยังมีประโยชน์กับผิวในด้านอื่นๆด้วย

 

---

ประโยชน์ของโทนเนอร์ต่อผิว

ช่วยลดความมัน และควบคุมความมัน โดยส่วนใหญ่แล้ว โทนเนอร์ หลายๆ แบรนด์จะมีส่วนผสมในการช่วยลดความมันบนผิวหน้า ลดปัญหาผิวหน้ามันระหว่างวัน ช่วยลดการเกิดสิว

 

---

โปรโยชน์ของโทนเนอร์ต่อผิว

• มีหน้าที่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างจากการล้างทำความสะอาดใบหน้า
• ช่วยปรับสภาพผิว ปรับค่า PH ให้พร้อมก่อนการทาครีมบำรุงผิว (การปรับค่า Ph ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ โทนเนอร์ มามีอิทธิพล เพราะส่วนมาก Cleanser ในตลาด ก็จะมี ค่า Ph ที่เป็นเบส ค่อนข้างสูง (ประมาณ 7 ขั้นไป) ซึ่งอาจจะทำให้ การทาผลิตภัณท์ต่อไป อาจไม่ค่อยดี ผิวจะได้รับสารอาหารดีที่สุดเมื่ออยู่สภาวะ เป็นกลาง 4.5-5.5 (หรือสภาวะ Ph แบบกรดอ่อนเช่น Vit C แบบ AA request ph 3-4 , AHA BHA ก็เช่นเดียวกัน)  ก็ใช้โทนเนอร์เช็ด เราเลยไม่ต้องรอให้ผิว ปรับ Ph ตัวเอง ก็เลยจะมีประโยชน์เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
• โทนเนอร์ที่ดีควรมีส่วนผสมของวิตามิน โปรตีนที่จำเป็นและเกลือแร่ที่มีสารประกอบเพื่อช่วยในการบำรุงผิว ช่วยลดความมัน กระชับรูขุมขนสำหรับคนผิวมัน ช่วยเติมความชุ่มชื้นสำหรับคนผิวแห้ง ซึ่งโทนเนอร์ที่คุณสมบัติที่หลากหลาย และมีความปลอดภัยอ่อนโยนต่อผิวนั้น อาจจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่หากแลกกับความคุ้มค่าและผลลัพธ์นั้น ถือว่าคุ้มมากๆเลยคะ
• หากต้องการโทนเนอร์ที่ช่วยลดปัญหาการเกิดสิว ก็อาจจะดู โทนเนอร์ที่มีส่วนผสม ของ Salicylic acid หรือ AHA BHA PHA ที่ช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว หรือ ส่วนผสมต่างๆที่ช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว

 

---

โทนเนอร์ ช่วยกระชับรูขุมขน

กระชับรูขุมขน ลดขนาดของรูขุมขน นอกจากทำความสะอาดแล้ว ยังมีส่วยช่วยกระกระชับรูขุมขน ทำให้ผู้ที่ใช้โทนเนอร์เป็นประจำ จะรู้สึกถึงรูขุมขนที่กระชับขึ้น ก็อาจจะเป็นจากส่วนผสมต่างๆ ที่ช่วงกระชับรูขุมขน

ในการทำงานของโทนเนอร์ เมื่อรูขุมขนที่เปิดกว้างเพราะการมีสิ่งสกปรกไปอุดตันอยู่ หลังจากเช็ดทำความสะอาดด้วยโทนเนอร์ รูขุมขนจะโล่งไม่มีสิ่งสกปรกขวางกั้น และสารมีประโยชน์ในโทนเนอร์จะช่วยทำให้รูขุมขนกระชับเข้าหากัน รูขุมขนจึงเล็กลง ผิวหน้าจะเรียบเนียนและไม่มีช่องว่างให้สิ่งสกปรกเข้าถึงได้

 

---

เติมความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วย โทนเนอร์

เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ไม่ใช่แต่เพียงคนผิวมันเท่านั้นที่เลือกใช้ โทนเนอร์ในการดูแลผิว คนผิวแห้งที่มีปัญหาเรื่องของรูขุมขน และ เป็นสิว ก็จำเป็นต้องหาตัวเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวอีกทาง โทนเนอร์ บางชนิด ก็จะมีส่วนผสมในการเติมน้ำให้กับผิว เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวอีกด้วย

 

---

โทนเนอร์ลดปัญหาเรื่องสิว

นอกจากลดปัญหาการเกิดสิว และ ช่วยลดรอยดำแดงที่เกิดจากการเป็นสิว โทนเนอร์ยังมีคุณสมบัติ นอกจากจะดูแลเรื่องความสะอาด อาจจะมีสูตรที่มีส่วนผสมของบำรุง เบื้องต้นเข้ามาด้วย เปรียบเสมือนการเตรียมผิว เช่นกลุ่มของวิตตามิน ที่ช่วยลดรอยดำแดง และ มีส่วนผสมในการลดแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ

 

---

ช่วยเตรียมสภาพผิว

การเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์นั้น ตัวโทนเนอร์จะเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อ ๆ ไป เมื่อผิวสะอาดไปจนถึงรูขุมขน รูขุมขนจะมีที่ว่างพร้อมสำหรับให้สารบำรุงชนิดอื่นซึมซาบเข้าไปบำรุงผิวภายในได้อย่างดี

 

---

 

โทนเนอร์เหมาะสำหรับผิวแบบไหน

ตามหลักแล้ว โทนเนอร์สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ หากต้องการแบ่งหรือ ดูส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิว ก็อาจจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

 

---

โทนเนอร์กับ ผิวมัน ผิวผสม ผิวเป็นสิวง่าย

โทนเนอร์ที่สำหรับ ผิวมัน ผิวผสม ผิวเป็นสิวง่าย ควรเลือกใช้โทนเนอร์ ที่ไม่มีส่วนผสมของ น้ำมัน น้ำหอม และ แอลกอฮอล์ จะเป็นดีที่สุด เนื่องจากสารต่างๆ อาจะมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และควรเลือกที่มีคุณสมบัติที่ช่วย ขจัดความมันส่วนเกิด ลดการอุดตันรูขุมขน และ มีสารในการลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว

 

---

โทนเนอร์สำหรับผิวธรรมดา ผิวแห้ง

ควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การเติมน้ำให้ผิว มอบความชุ่มชื่นให้กับผิว เพิ่มด้วย

 

---

 

 

การใช้โทนเนอร์ให้ถูกวิธีนั้นต้องใช้อย่างไร

• โทนเนอร์นิยมนำมาใช้ในขั้นตอน หลังจากการล้างหน้าทุกครั้ง หากเราล้างหน้า เช้า – เย็น สามารถเช็ดโทนเนอร์ได้ทั้งเช้า – เย็น
• โทนเนอร์ควรนำมาใช้ร่วมกับสำลี จะแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ ก้อน หรือ แบบแผ่น แต่ควรเลือกสำลีที่มีความละเอียด นุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป
• เช็ดทำความสะอาดทั่วใบหน้า อาจจะนำมาเช็ดทีละครึ่งหน้าตามแนวโพรงขน หรือ เช็ดย้อนรูขุมขนเพื่อทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น
• ไม่ควรใช้สำลี ขัด หรือ ถู ที่ใบหน้าแรงๆ ตามจริงแล้วคุณสมบัติของโทนเนอร์ จะมีสารที่ช่วยทำความสะอาดอยู่แล้วเพียงเราเช็ด เบาๆ เน้นให้ทั้วบริเวณใบหน้า ก็ถือว่าทำความสะอาดได้อย่างเพียงพอแล้ว
• โทนเนอร์บางชนิด สำหรับใครที่ไม่ค่อยเป็นสิว เน้นเรื่องของการบำรุงผิวมากกว่า สามารถนำมาทำเป็นน้ำตบที่ผิวหน้าแทน การเช็ดได้ เนื่องจาก สำหรับผิวแห้ง หรือผิวที่ระคายเคืองง่ายๆ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงการขัด ถูด ก็จะช่วยให้ ผิวแห้ง ใช้โทนเนอร์โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองทำ

อ่านต่อ : ทำไมต้องใช้ โทนเนอร์ หลังล้างหน้าเสร็จทันทีด้วย?

 

---

โทนเนอร์ใช้เวลาไหนดีที่สุด

โดยปกติแล้ว โทนเนอร์ โดยส่วนใหญ่ เป็นโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้ ทั้งเช้า – เย็น ไม่มีผลทำให้ผิวไวต่อแสง หรือ หลักการง่ายๆ ล้างหน้าเมื่อไร่ก็สามารถเช็ดโทนเนอร์ตามได้ทันทีค่ะ

 

---

ใช้โทนเนอร์ได้บ่อยแค่ไหน

การใช้โทนเนอร์บ่อยเกินไป เป็นการรบกวนผิวหน้าได้ เช่นบางคนที่มีผิวมัน หรือผจญกับสิ่งสกปรกตลอดวัน อาจจะใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าเพื่อขจัดความมันและสิ่งสกปรกบ่อยครั้ง แต่ความจริงแล้ว การใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าเพียงเช้าและเย็น วันละ 2 ครั้งจะเหมาะสมที่สุด แม้ว่าวันนั้นอาจจะไม่ได้แต่งหน้าก็ควรใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดผิวด้วย การใช้โทนเนอร์น้อยเกินไปก็ทำให้หน้าสะสมสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ และใช้บ่อยเกินไปก็ทำให้ผิวขาดความสมดุลเช่นกัน

 

---

ใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ น้ำมัน น้ำหอม และแอลกอฮอล์

การใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมน้ำมัน น้ำหอม และแอลกอฮอล์ นี้ สำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย ผิวบอบบางแพ้ง่าย อาจจะไม่ค่อยเหมาะเนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้ส่งผลระยะยาว หรือ เกิดการระคายเคืองที่ผิวได้ จากที่ใช้แล้วผิวจะดีขึ้นกลับอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการระคายเคือง หรือ เกิดสิวก็เป็นได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ ที่มีส่วนผสมต่างๆเหล่านี้จะเป็นการดีที่สุด

 

---

Toner ใช้เช็คขึ้น หรือ ลง

เช็ดทำความสะอาดทั่วใบหน้า จะเช็ดแบบเช็ดขึ้น หรือ แบบเช็ดลง ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่การเช็ดชึ้น เหมือนจะทำความสะอาดได้ล้ำลึกกว่า (จากการทดลองของแอดมินเอง)

 

---

ข้อควรระวังในการใช้ โทนเนอร์

แถมท้ายด้วยข้อควรระวังในการใช้โทนเนอร์ก็คือ ควรจะเลือกซื้อโทนเนอร์ให้เหมาะกับประเภทของผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวหน้าที่มีปัญหาสิว เพราะสูตรของโทนเนอร์แต่ละสูตร จะมีส่วนผสมของสารบำรุงที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่มีเพียงแค่สารช่วยทำความสะอาดเท่านั้น แต่มีทั้งสารให้ความชุ่มชื่น สารที่ช่วยลดความมัน สารป้องกันและกำจัดแบคทีเรีย มีสูตรอ่อนโยนเป็นพิเศษสำหรับผิวแพ้ง่าย เป็นต้น หากใช้ผิดสูตรนอกจากจะทำให้ไม่เห็นผลในการใช้อย่างที้องการแล้ว อาจจะเกิดผลเสียต่อผิว ผิวหน้าที่มันอยู่แล้ว ถ้าไปใช้สูตรโทนเนอร์สำหรับผิวแห้ง ก็อาจจะได้รับการบำรุงมากเกินไป ทำให้หน้ายิ่งมันขึ้นก็เป็นได้  โทนเนอร์ เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผิวหน้า วิธีใช้โทนเนอร์นั้นไม่ยากเลย และสามารถใช้ได้ทุกวันเท่าที่ต้องการ เพียงเอาใจใส่ในรายละเอียดตามที่ได้นำมาฝากกันนี้ก็จะทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นอย่างแน่นอน

 

---

ราคาของโทนเนอร์ที่เลือกใช้

โทนเนอร์นั้นมีอยู่หลายระดับราคา และราคาของโทนเนอร์ไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของโทนเนอร์เสมอไป โทนเนอร์ถูกและดี ก็มีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อของแต่ละคน ควรเลือกโทนเนอร์ที่ใช้แล้วเหมาะกับผิว ซึ่งดูได้จากตัวผลิตภัณฑ์ว่าเหมาะกับผิวชนิดใด และควรมองหาโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพราะจะไม่ทำให้ผิวระคายเคืองเมื่อใช้เป็นประจำ

การลง โทนเนอร์ ในช่วงเวลาที่ถูก และใช้แบบพอเหมาะ เลือกใช้โทนเนอร์ที่เหมาะกับผิว จะช่วยทำให้ผิวสะอาดถนอมผิวหน้าให้สวยและสดชื่นอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ลองนำเอาวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้กับการลงโทนเนอร์ครั้งต่อไป แล้วจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของประสิทธิภาพโทนเนอร์ หลังจากที่ใช้โทนเนอร์ได้อย่างถูกต้อง

 

---

Soothing-Purifying Toner

 

โทนเนอร์ ขจัดสิ่งสกปรกรวมทั้งเซลล์ผิวเก่าที่ยังตกค้างในรูขุมขน ลดการเกิดสิว กระชับรูขุขน คุมมัน พร้อมสารสกัดจากวิตามินช่วยลดรอยดำ รอยแดง เสริมสร้างคอลลาเจน ให้ผิวแข็งแรง ด้วยนวัตกรรมในการบำรุงผิวออกแบบเฉพาะผิวมัน และผิวเป็นสิวง่าย ผสาน 2 เทคโนโลยี Salsphere^TM ล้ำสมัยซึ่งได้รับรางวัล Nanotech Briefs NaNo 50^th จากหนึ่งในองค์กรของ NASA ประเทศสหรัฐอเมริกา

---

บทสรุป การใช้โทนเนอร์

หลายคนที่นำโทนเนอร์ หยดใส่สำลีให้เปียก และนำมาแปะบริเวณที่มีปัญหาผิว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หากมีเวลาว่างๆ ก็ลองนำมาเป็นแบบมาส์ก ทิ้งไว้สัก 5-10 นาทีแล้วค่อยบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป

จะเห็นได้ว่า โทนเนอร์นั้น มีคุณสมบัติ และการใช้ที่หลายหลาย ทั้งนี้ การใช้ โทนเนอร์แต่ละตัว ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของโทนเนอร์ที่เราเลือกใช้ด้วยค่ะ วิธีการใช้โทนเนอร์ สามารถสลับใช้ในแต่ละวันได้ตามความต้องการ

ในปัจจุบันนี้ โทนเนอร์ ถือว่าเป็น ไอเทมที่สำคัญสำหรับการดูแลผิวหน้าเลยทีเดียวสำหรับใครที่ต้องการดูแลผิวเพิ่มเติมเป็นพิเศษก็อย่างลืม ลองหาซื้อ โทนเนอร์มาลองใช้กันได้นะคะ

 

อ่านเพิ่มเติม : โทนเนอร์: 8 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ

 

---