สารบัญ
โทนเนอร์เป็นไอเทมหนึ่งที่ทุกคนมักจะมองข้ามไป และหลายคนคงสงสัยว่า โทนเนอร์ คือ อะไร มีประโยชน์อย่างไรกับผิวหน้าของเรา เราจำเป็นต้องใช้ไหม และโทนเนอร์ต้องใช้อย่างไร วันนี้เราก็จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเจ้าสกินแคร์มาแรงที่เรียกว่าโทนเนอร์กันให้มากขึ้น ต้องขอบอกว่า ถ้าใครอ่านจบแล้วต้องรีบไปหาโทนเนอร์มาใช้แบบด่วน ๆ เลยค่ะ
1.โทนเนอร์ คืออะไร
โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลผิวหน้า โทนเนอร์ ยังเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้หลังจากการทำความสะอาดหน้า เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนการบำรุงผิวต่อไป โทนเนอร์มักมีลักษณะเป็นน้ำหรือของเหลวใส และสามารถใช้กับผิวทุกประเภท ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกและคราบน้ำมันที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากการล้างหน้า
ส่วนประกอบที่สำคัญของโทนเนอร์
สำหรับในเรื่องของส่วนผสม โทนเนอร์ มักจะมีส่วนผสมที่ค่อนข้างแตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละแบรนด์ แต่ละยี่ห้อ เพราะแต่ละแบรนด์จะมีเป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่มีเหมือนกันก็คือ “น้ำ” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ หลายผลิตภัณฑ์ก็มักจะมีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ แต่สำหรับบางยี่ห้อ โทนเนอร์ ไม่มี แอลกอฮอล์ ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
2.โทนเนอร์ช่วยอะไร
เนื่องจากผิวของเรานั้นเป็นดั่ง “บ้าน” หากใครเดินผ่านไปผ่านมาแล้วมองเข้ามาที่บ้าน หากบ้านไม่สวย ไม่สดใส ก็จะถูกมองว่าบ้านหลังนี้อาจจะไม่น่าอยู่ ไม่น่าเดินผ่าน เป็นที่มาของการหมดความมั่นใจในการเข้าสังคมไปโดยปริยาย หากผิวหน้าหมองคล้ำ มีปัญหาสิว แห้งกร้าน ทั้งหมดนี้ต่างเกี่ยวข้องกันทั้งหมด และจะดีกว่าไหมถ้าหากเราหันมาใส่ใจดูแลผิวหน้า ดูแลปัญหาผิวหน้าให้กลับมาสดใส และ โทนเนอร์ เองก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ควรค่าแก่การใช้งานอย่างที่สุด เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆของผิวหน้า และยังมีคุณสมบัติในการช่วยดูแลผิวดังต่อไปนี้
ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
โทนเนอร์บางชนิดมีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เช่น ไฮยาลูโรนิคแอซิด กลีเซอรีน หรือสารสกัดจากพืชต่างๆ การใช้โทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นจะช่วยให้ผิวรู้สึกนุ่มนวลและลดความแห้งกร้าน และยังมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผิวของคุณสุขภาพดีได้อีกด้วย
ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
โทนเนอร์สามารถช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้ การใช้โทนเนอร์เป็นประจำสามารถช่วยลดการเกิดสิวและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ฟื้นฟูสมดุลค่า pH ของผิว
การล้างหน้าสามารถทำให้สมดุลค่า pH ของผิวเสียหายได้ การใช้โทนเนอร์ที่มีค่า pH ที่เหมาะสมจะช่วยฟื้นฟูสมดุลนี้ ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
โทนเนอร์ ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด
เคล็ดลับทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดมากขึ้นก็คือการใช้ โทนเนอร์ ถือเป็นหนึ่งในประโยชน์หลักของโทนเนอร์ ความสามารถในการช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก โทนเนอร์ช่วยล้างออกซ์เซสออยล์ สิ่งสกปรก และเครื่องสำอางที่ยังคงตกค้างอยู่บนผิวหลังจากการล้างหน้า การใช้โทนเนอร์เป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
โทนเนอร์ ช่วยลดการเกิดการอุดตัน
โทนเนอร์มีส่วนช่วยในการควบคุมความมันบนผิวหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่นๆ เช่น การอุดตันของรูขุมขน การใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการควบคุมความมันสามารถช่วยลดการเกิดสิวและทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอุดตันของสิ่งสกปรก ไขมัน และเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน หนึ่งในต้นเหตุของสิว ทำให้ไม่เกิดสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวหัวหนอง และสิวเสี้ยน
โทนเนอร์ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกไป
โทนเนอร์ยังมีบทบาทในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส การผลัดเซลล์ผิวช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ใหม่ และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้ตามมาซึมเข้าไปในผิวได้ดีขึ้น ทำให้ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอย่างเต็มที่ ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และลดการอักเสบของสิวได้ด้วย
โทนเนอร์ ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น
โทนเนอร์บางชนิดมีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น สารสกัดจากพืชและวิตามินต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น ลดการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และยังช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส และจัดการริ้วรอยจุดด่างดำ จากการที่ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นอีกด้วย
โทนเนอร์ ช่วยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น
การใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น เรตินอล หรือวิตามิน C สามารถช่วยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว การมีคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และลดการเกิดริ้วรอย จากวิตามินที่ผสมในโทนเนอร์ เพื่อบำรุงให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง ฟื้นฟูยกกระชับผิว
โทนเนอร์ ควรที่จะถูกใช้หลังจากการล้างหน้าเสร็จ เพราะจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด
3.เราจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ไหม?
โทนเนอร์ช่วยคลีนผิว กำจัดสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากผิวและรูขุมขนได้มากขึ้น และยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผิวจากการมีวิตามินบำรุงในตัวโทนเนอร์และจากการปรับสภาพผิวเพื่อเปิดผิวให้ครีมบำรุงซึมซาบลงสู่เซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงและกระชับมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการอุดตัน ลดการเกิดสิว และลดการระคายเคืองผิวได้อีกด้วย โทนเนอร์จึงจำเป็นต่อผิวมาก เนื่องจากในปัจจุบันมีมลภาวะทางอากาศเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายผิว ควันรถ ควันจากโรงงาน สิ่งสกปรกที่มาพร้อมกับ ฝน ทำให้เกิดสิว ในช่วงหน้าฝน และลมที่พัดฝุ่นสิ่งสกปรกต่าง ๆ มาสัมผัสโดนหน้าของเรา การใช้โทนเนอร์เช็ดเพื่อทำความสะอาดผิวอีกครั้งหลังล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์จึงช่วยให้ผิวสะอาดอย่างหมดจดและมีสุขภาพผิวดีขึ้น
4.การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับผิวของคุณ
การเลือกใช้โทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณจะช่วยให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ผิวมัน หรือผิวผสม
เนื่องจากผู้ที่มีหน้ามันมักจะมีคราบความมันหรือความมันส่วนเกินหลงเหลืออยู่มาก ทำให้ผิวมันเกิดการอุดตันและเป็นสิวบ่อย ดังนั้นจึงต้องใช้โทนเนอร์เป็นเคล้ดลับกู้ผิว เช็ดเพื่อทำความสะอาดผิวอีกครั้ง ช่วยในการกำจัดสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นจากความันบนใบหน้า รวมถึงคราบเครื่องสำอางค์หรือฝุ่นจากมลภาวะต่าง ๆ เพราะผิวหน้าประเภทนี้หากทำความสะอาดได้ไม่ดี จะทำให้เกิดสิวได้ง่ายกว่าสภาพผิวอื่น ๆ
ผิวแห้ง
เหมาะกับโทนเนอร์ที่เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะทำให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดความระคายเคือง สำหรับใครที่ไม่ค่อยเป็นสิว เน้นเรื่องของการบำรุงผิวมากกว่า สามารถนำมาทำเป็นน้ำตบที่ผิวหน้าแทน การเช็ดได้ เนื่องจาก สำหรับผิวแห้ง หรือผิวที่ระคายเคืองง่ายๆ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงการขัด ถูด ก็จะช่วยให้ ผิวแห้ง ใช้โทนเนอร์โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองทำ
ผิวธรรมดา
เหมาะกับโทนเนอร์ทุกสูตร สามารถเลือกใช้ตามสภาพผิวใน ณ ขณะนั้น ๆ ได้ หากช่วงไหนเป็นสิว ก็เลือกใช้แบบรักษาสิว หรือหากช่วงไหนอากาศแห้ง ก็เลือกใช้แบบเติมความชุ่มชื้น เป็นต้น
ผู้ที่เป็นสิวบ่อย
ใครก็ตามที่มีสิวขึ้นบ่อยบนใบหน้า ผิวที่มักเป็นสิวง่าย มีสิวบนใบหน้าประจำ เหมาะแก่การใช้เป็นอย่างยิ่งเพราะหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว มักจะมาจากความสกปรกบนผิวหน้าที่ไม่สามารถถูกทำความสะอาดหมดในขั้นตอนเดียว
ผิวบอบบางแพ้ง่าย
ผู้ที่มี ผิวบอบบาง เป็นสิวง่าย จึงควรได้รับการทำความสะอาดผิวมากกว่าสภาพผิวแบบอื่น เนื่องจากหากมีสิ่งสกปรก อย่าง คราบเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรก อาจทำให้ผิวบอบบางแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองและเกิดผิวอักเสบได้ ควรเลือกโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และสารเคมีที่รุนแรง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
ผิวหมองคล้ำ
สำหรับผิวหมองคล้ำ ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) หรือวิตามินซี (Vitamin C) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น
ผิวที่มีอายุมากขึ้น
สำหรับผิวที่มีอายุมากขึ้น ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น การเลือกใช้โทนเนอร์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณจะช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีและพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.ประเภทของโทนเนอร์
โทนเนอร์มีหลากหลายประเภทที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการของผิวแต่ละประเภท และแก้ไขปัญหาผิวพื้นฐานต่างๆ การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมกับผิวของคุณจะช่วยให้ผลลัพธ์ในการดูแลผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โทนเนอร์ปรับสมดุล (Balancing Toners)
โทนเนอร์ประเภทนี้มีส่วนผสมที่ช่วยปรับสมดุล pH ของผิวหลังจากทำความสะอาด และเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวผสมหรือผิวมัน เพราะช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวหน้า
โทนเนอร์เพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Toners)
โทนเนอร์เพิ่มความชุ่มชื้นมีส่วนผสมที่ช่วยดึงดูดและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและลดความรู้สึกตึงของผิวหลังการล้างหน้า
โทนเนอร์ทำความสะอาดลึก (Clarifying Toners)
ประเภทนี้มีส่วนช่วยในการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ลดการอุดตันของรูขุมขน และเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวที่ต้องการการดูแลพิเศษในเรื่องของความสะอาด
โทนเนอร์สำหรับผิวแพ้ง่าย (Soothing Toners)
โทนเนอร์สำหรับผิวแพ้ง่ายมีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยลดการระคายเคือง และเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย บ่อยครั้งจะมีสารสกัดจากพืชหรือสารอาหารผิวที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
โทนเนอร์ช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Toners)
โทนเนอร์ชนิดนี้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสและลดจุดด่างดำ มักจะมีส่วนผสมเช่น วิตามิน C, นิอาซินาไมด์ หรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติในการปรับสีผิวให้เสมอกัน
โทนเนอร์ที่ช่วยกระชับรูขุมขน (Pore-tightening Toners)
โทนเนอร์ประเภทนี้มักมีส่วนผสมของสารสกัดจากวิชฮาเซล ทีทรีออยล์ หรือแอลกอฮอล์ ช่วยลดความมันและกระชับรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม
โทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Toners)
โทนเนอร์ประเภทนี้มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) หรือกรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำหรือมีปัญหาสิว
โทนเนอร์ที่ช่วยลดการอักเสบ (Soothing Toners)
โทนเนอร์ประเภทนี้มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและปลอบประโลมผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
โทนเนอร์ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิว (Nourishing Toners)
โทนเนอร์ประเภทนี้มีส่วนผสมของวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวที่มีอายุมากขึ้น
โทนเนอร์ กับ คลีนซิ่ง ต่างกันยังไง
โทนเนอร์ รีวิว
โทนเนอร์ ในปัจจุบัน มีมากมายหลากหลายแบรนด์ และแน่นอนว่ายิ่งมีหลายแบรนด์ให้เลือกใช้แล้ว การเลือกโทนเนอร์แต่ละยี่ห้อย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเนื่องจากไม่ทราบถึงปราสิทธิภาพที่แท้จริง ว่าเหมาะสมกับผิวหน้าของเรา หรือเข้ากับปัญหาผิวหน้าที่เราพบเจออยู่หรือไม่ แต่เนื่องจากในยุคที่เราอยู่นั้นเป็นยุคดิจิตอล การหาคำตอบจึงไม่ใช่อะไรที่เกินความสามารถ เราสามารถที่จะหาข้อมูลได้ไม่ยาก อย่างเช่นคุณเป็นคนที่มีปัญหารูขุมขนบนใบหน้าไม่กระชับ สามารถที่จะหา รีวิว โทนเนอร์ กระชับรูขุมขน เพื่อดูว่าปัญหานี้หากใช้โทนเนอร์แล้วสามารถช่วยลดปัญหาลงได้หรือไม่ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่ามักจะมีคนตั้งคำถามคล้ายๆกันว่า โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี หรือจะเป็น โทนเนอร์ อะไร ดี แต่ไม่ต้องกังวลวันนี้เราก็มีเรื่องราวมาแนะนำเช่นเดียวกัน ในเรื่อง toner ยี่ห้อไหนดี ถ้าอยากทราบก็ไม่ชมพร้อมกันได้เลย
Toner ยี่ห้อไหนดี
แน่นอนว่า โทนเนอร์ ที่เราจะมีแนะนำในหัวข้อ โทนเนอร์ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องเป็น Soothing-Purifying Toner ของ Aquaplus โดยถือว่าเป็น โทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุล ช่วยทำความสะอาดผิว และยังมีคุณสมบัติในการกระชับรูขุมขน รวมไปถึงยังช่วยบรรเทา และลดปัญหาสิวอุดตันได้อีกด้วย และยังเป็นโทนเนอร์ที่ถูกวิจัย และทำการค้นคว้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เป็นหนึ่งในโทนเนอร์ที่สามารถตอบโจทย์ผิวสำหรับชาวเอเชียอย่างเราได้เป็นอย่างดี มาพร้อมเทคโนโลยีขนาด Nano ที่สามารถทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังช่วยขจัดสิ่งตกค้างในรูขุมขนออกได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่แห้งกร้านได้เป็นอย่างดี โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ที่สำคัญสำหรับคนที่แพ้ง่ายหมดกังวลได้เลย เพราะ โทนเนอร์ Aquaplus ยังปราศจาก น้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ รวมไปถึง สารกันเสีย ผิวบอบบางแค่ไหนก็ใช้ได้หมดปัญหา และด้วยขั้นตอน Dermatologically tested เป็นการเพิ่มความมั่นใจสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่ผิวแพ้ง่ายมั่นใจได้อย่างเต็มเปี่ยมในผลิตภัณฑ์อีกด้วย
สรุป
บทสรุปหลังจากที่เราได้อ่านบทความทั้งหมดแล้ว อาจจะสามารถสรุปได้อย่างรวดเร็วว่า โทนเนอร์ เหมาะกับแทบจะทุกสภาพผิว แต่ถึงอย่างนั้น โทนเนอร์ มักจะถูกลืมในฐานะสกินแคร์ที่มีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนที่ถูกซ่อนไว้ ในบางครั้งแม้จะทำการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแล้วก็ตาม ให้เราตระหนักไว้เลยว่าในขั้นตอนเหล่านั้นอาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดผิวหน้าของเราได้อย่างหมดจดเท่าที่ควร และอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว และปัญหาผิวตามมาในภายหลังได้อย่างแน่นอน