สารบัญ
คลีนเซอร์และคลีนซิ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ เพื่อกำจัดคราบความมัน เครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกต่างๆ ให้สะอาดลึกถึงรูขุมขนและลดการอุดตันจนทำให้เกิดสิว
วันนี้แอดมินจะมาไขข้อข้องใจว่าเจ้าสองผลิตภัณฑ์นี้คืออะไรกันแน่ และมีวิธีการใช้อย่างไร? เพื่อให้ผิวหน้าสะอาด สวยใส และให้ทุกคนได้เข้าใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทั้งสองตัวนี้มากขึ้นนั่นเอง
ความหมายของ คลีนซิ่ง (cleansing) และ คลีนเซอร์ (cleanser)
คลีนซิ่งออย คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับลบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด คราบน้ำมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ไม่สามารถลบออกได้ด้วยน้ำหรือโฟมล้างหน้าได้ เพื่อไม่ให้คราบเหล่านั้นหลงเหลือเข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบจนเป็นสิวอักเสบ และ สิวหัวหนองในที่สุด ในการใช้ คลีนซิ่งออย ต้องระวังในเรื่องของการแพ้จากสารระคายเคือง เช่น น้ำมัน แอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและเกิดสิวได้
Cleanser คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้า หรือที่เรียกกันว่า โฟมล้างหน้า นั่นเอง โดยจะทำความสะอาดสิ่งสกปรกและคราบความมันที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขนเป็นหลัก ทำให้ผิวหน้าสะอาด ไม่เป็นสิว ซึ่งตัว cleanser จะมีหลายแบบมาก เช่น แบบโฟม เจล สบู่ เป็นต้น ในการใช้ cleanser ต้องระวังในเรื่องของการแพ้จากสารระคายเคืองต่างๆ เช่น พาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเกิดสิวได้
การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทั้งสองตัวนี้
วิธีการใช้ cleansing
สำหรับคลีนซิ่งสูตรน้ำที่เป็นที่นิยมแบบสุดๆ เพราะใช้ง่ายและทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง มีวิธีการใช้คือ
- หยดคลีนซิ่งลงบนสำลี ให้พอเปียกแบบพอเหมาะ ไม่มากไปหรือน้อยไป
- จากนั้นใช้สำลีที่มีคลีนซิ่งอยู่เช็ดลงบนใบหน้าและลำคอให้ทั่วจนคราบเครื่องสำอางหลุดออกไปหมด
ซึ่งขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนแรกในการทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดและไม่เกิดการอุดตันในรูขุมขน โดยคลีนซิ่งจะทำการกำจัดคราบต่างๆ ที่ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยน้ำเปล่าหรือโฟมล้างหน้าได้อย่างหมดจด คลีนซิ่งก็จะช่วยเช็ดคราบเหล่านั้นให้ออกไปจากผิวหน้าได้ ไม่อุดตันอยู่ในรูขุมขน
วิธีการใช้ cleanser
- ใช้น้ำเปล่าลูบผิวหน้าก่อน เพื่อให้ผิวหน้าเปียก ซึ่งถ้าใช้เป็นน้ำอุ่นก็จะช่วยในการเปิดรูขุมขนได้มากขึ้นและเราก็จะได้ทำความสะอาดรูขุมขนได้สะอาดมากขึ้น
- จากนั้นเราก็ใช้ คลีนเซอร์ ทำความสะอาดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ โดยระหว่างการล้างหน้าให้ทำการนวดผิวหน้าไปด้วยเป็นเวลาประมาณ 2 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีมากขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดี
- แล้วใช้น้ำเปล่าล้างโฟมล้างหน้าออกให้หมด
- และใช้น้ำเย็นล้างหน้าเป็นขั้นสุดท้าย เพื่อปิดรูขุมขน
- ใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ซับน้ำบนหน้าให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็เสร็จขั้นตอนทำความสะอาดผิวหน้าแล้วค่ะ
เคล็ดลับในการทำความสะอาดผิวหน้า
1. ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป
ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็พอ เพราะถ้าเราทำความสะอาดผิวหน้าบ่อยมากเกินไปอาจทำให้ผิวหน้าของเราแห้งและขาดความชุ่มชื้น
อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้ามีความมันเพิ่มมากขึ้นอีก เนื่องจากผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ต่อมไขมันถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวหน้ามากขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป
2. สำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย
ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีตัวช่วยในการกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เพื่อป้องกันการเกิดสิวที่มาจากแบคทีเรีย P. acne
3. หลีกเลี่ยงที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งและขาดความชุ่มชื้น รวมถึงสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอื่นๆ ด้วย เช่น พาราเบน น้ำหอม เป็นต้น เนื่องจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ บวมแดง เป็นผดผื่น เป็นสิวได้
4. ควรผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกจากผิวเป็นประจำ
เพื่อป้องกันเกิดการอุดตันในรูขุมขนและป้องกันการเกิดสิว การผลัดเซลล์ผิวทำได้หลายวิธี เช่น การใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ที่มีตัวช่วยในการผลัดเซลล์ผิว การสครับ มาสก์ผิว เป็นต้น
5. การเปิดเปิดรูขุมขน
เพื่อทำความสะอาดรูขุมขนให้สะอาดได้ด้วยการใช้น้ำอุ่นล้างผิวหน้า หรือ ใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำอุ่นแล้วนำมาคลุมไว้บนใบหน้าประมาณ 2 นาที น้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนได้
6. เมื่อเราทำการเปิดรูขุมขนแล้ว ก็อย่าลืมปิดรูขุมขนด้วย
เพื่อไม่ให้คราบความมันและสิ่งสกปรกเข้าไปในรูขุมขนอีก โดยทำการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือ ใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำเย็นแล้วคลุมบนใบหน้าประมาณ 2 นาที เท่านี้รูขุมขนก็จะค่อยๆ ปิดลง
7. หลังการทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จแล้ว
ให้ใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ซับน้ำบนผิวหน้าให้แห้งอย่างเบามือ ห้ามถู ขัด หรือเช็ดหน้าแรง ๆ ด้วยผ้าขนหนูเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ผิวอักเสบ เป็นสิว รูขุมขนกว้าง และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ อีกทั้งการใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีเนื้อผ้าหยาบเกินไปอาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบและการเกิดสิว