สิว คืออะไร
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า สิว คืออะไร
สิว (Acne) เป็นปัญหาโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันภายใต้ผิวหนัง โดยต่อมไขมันนี้จะผลิตน้ำมันออกมาตามธรรมชาติมากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนในผิว กลายเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวด้านใน และถ้าหากมีแบคทีเรียอยู่ในบริเวณนั้นมากเกินไปก็จะทำให้เกิดสิวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด โดยมากสิวมักเกิดขึ้นในบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัวส่วนบน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่อย่างหนาแน่น และปัญหาสิวนี้มักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น ในผู้หญิงช่วงอายุ 14-17 ปี และในผู้ชายช่วงอายุ 16-19 ปี และสิวมักหายไปในช่วงอายุ 20-25 ปี แต่ในบางคนอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรังไปจนอายุ 40 ปี ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดสิว
สาเหตุการเกิดสิว
สิวเกิดจากเซลล์ผิวหนังบริเวณรูขุมขนมีการแบ่งตัวและหลุดลอกผิดปกติ ทำให้เกิดการอุดตันและเกิดเป็นหัวสิว (Comedones) หรืออาจมีการอักเสบจากแบคทีเรียในต่อมไขมัน มักพบมากในผู้ที่มีผิวมันมาก สำหรับสาเหตุของการเกิดสิวนั้นมีหลากหลายสาเหตุที่ไม่เฉพาะเจาะจง
ซึ่งอาจเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ เช่น ระดับฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น
- กรรมพันธุ์ หรือปัจจัยทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาก็มีส่วนทำให้เกิดสิวได้
- การใช้ยาทาหรือยารับประทานบางชนิด อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของรูขุมขนและเกิดปัญหาสิวได้
- การใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางแต่งหน้า ก็มีผลทำห้เกิดการระคายเคืองของผิวและเกิดสิวอุดตันได้ด้วย
- สภาพผิวหน้าและความมันบนใบหน้าก็เป็นสาเหตุสำคัญในเกิดสิว ถ้าผิวมันมากจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป จะทำให้สิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน เกิดเป็นสิวได้ง่าย
ประเภทของสิว
สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- สิวชนิดไม่อักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เรียกว่า Comedones หรือเรียกอีกอย่างว่า สิวอุดตัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะของหัวสิว ได้แก่
- สิวหัวปิด หรือ สิวหัวขาว
- สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ
- สิวชนิดอักเสบ คือ สิวที่มีการอุดตันของรูขุมขน และพบลักษณะของการอักเสบร่วมด้วย ส่วนมากมักเกิดตามหลังสิวหัวปิดที่ไม่ได้รับการรักษา ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณรูขุมขน
สิวชนิดอักเสบนี้แบ่งออกเป็น 4 ชนิด
ตามลักษณะของสิวที่พบ
- Papule (ผื่นนูน) หมายถึง สิวที่มีลักษณะตุ่มนูน มีขนาดเล็ก และมีสีแดง
- Pustule (ตุ่มหนอง) หมายถึง สิวที่มีลักษณะตุ่มหนอง ซึ่งแบ่งเป็น ชนิดตื้นและชนิดลึก
- Nodule (ตุ่มใหญ่) หมายถึง สิวที่มีลักษณะเป็นก้อนสีแดงที่ขนาดใหญ่ขึ้น โดยอาจพบเป็นหลายหัวสิวที่อยู่ติดกัน
- Cyst (สิวหัวช้าง) หมายถึง สิวที่มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ มีความอ่อนนุ่ม (ภายในอาจมีหนองปนเลือด)
วิธีการรักษาสิว
การรักษาสิวที่ดีนั้นประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- การทำความเข้าใจต่อประเภทสิวนั้น สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นของสิว รวมไปถึงอาการ และวิธีปฏิบัติตัวระหว่างการรักษาสิว พฤติกรรมและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากสิวแต่ละประเภท มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
- การรักษาตามมาตรฐาน คือการรักษาที่ขึ้นกับความรุนแรงของสิและการอักเสบเป็นที่เกิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- สิวขั้นแรก จะมีอาการเล็กน้อย รักษาโดยพิจารณาใช้ยาทาเฉพาะที่ หรือเลือกใช้สกินแคร์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวเป็นสิวง่ายก็สามารถช่วยได้
- สิวปานกลาง จะมีอาการของสิวมากขึ้น รักษาโดยการใช้ยาทาร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา
- สิวขั้นรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
- การรักษาสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง ในกรณีที่เป็นสิวรุนแรงหรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานตามข้อ2. ในระยะเวลา 2-3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเด้านผิวหนังโดยเฉพาะ
สำหรับการดูแลรักษาสิวชนิดที่ไม่รุนแรงนั้น เราสามารถดูแลแบบง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง
- เริ่มจากการดูแลรักษาความสะอาดของผิวพรรณอยู่เสมอ
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิด Oil-free , Alcohol-free และเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว
- หลีกเลี่ยงการเช็ดถูหรือการนวดหน้าที่รุนแรงเกินไป
- ห้ามบีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิวอักเสบลุกลามมากขึ้นได้
- หากสิวมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะเพื่อทำการรักษาในขั้นต่อไป