สารบัญ
คลีนซิ่งมีหลากหลายให้เลือกใช้ ซึ่งคลีนซิ่งแต่ละแบบก็เหมาะกับผิวที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละคนก็มีผิวที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น ผิวมัน ผิวเป็นสิวง่าย ผิวผสม ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย ซึ่งแต่ละสภาพผิวก็จะมีการดูแลรักษาและทำความสะอาดผิวที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน วันนี้ Aqua+ Series ก็เลยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้คลีนซิ่งสำหรับแต่ละสภาพผิว เพื่อให้ทุกคนได้ดูแลผิวได้อย่างปลอดภัยตามสไตล์ผิวแต่ละแบบ
คลีนซิ่ง สิว คืออะไร?
คลีนซิ่ง สิว ตัวเช็ดคราบเครื่องสำอาง คราบความมัน และสิ่งสกปรกที่ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่าหรือโฟมล้างหน้าให้หลุดออกไป รวมถึงเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วก็ต้องเช็ดออกให้หลุดออก เพื่อป้องกันการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขน ให้ผิวหน้าเรียบเนียน ไม่ให้เกิดสิว หรือ เป็นสิวอักเสบได้
คลีนซิ่งจะถูกใช้ก่อนตอนที่หน้ายังไม่เปียก เพื่อเช็ดคราบเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งออกให้หมด จากนั้นเราจึงจะมาล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ หรือ โฟมล้างหน้า ซึ่งเราจะทำความสะอาดจนผิวหน้าสะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันในรูขุมขน และทำให้ไม่เกิดสิวนั่นเอง
คลีนซิ่งจำเป็นอย่างไรกับการทำความสะอาดผิวหน้า?
ในบางครั้ง เราก็มีการแต่งหน้าโดยใช้เครื่องสำอางกันน้ำแบบจัดเต็ม หากไม่ใช้คลีนซิ่งในการทำความสะอาดผิวก่อน แต่ล้างผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าและโฟมล้างหน้าเลย ก็จะทำให้คราบเครื่องสำอางตกค้างอยู่บนผิวหน้าและเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ซึ่งจะทำให้ผิวอักเสบและเกิดสิวขึ้นมา รวมถึงคราบความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่สะสมอยู่บนผิวด้วย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเพื่อกำจัดคราบเครื่องสำอาง คราบความมัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดออกจากผิวหน้าของเราไปนั่นเอง
คลีนซิ่งสำหรับผิวแต่ละแบบ
คลีนซิ่งมีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ ซึ่งสภาพผิวแต่ละแบบก็เหมาะกับคลีนซิ่งที่แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้เป็นดังนี้
-
ผิวมัน
ผิวมัน เหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำ ซึ่งเป็นคลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ เป็นสูตรที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม จึงเหมาะกับผิวมันเป็นพิเศษ คลีนซิ่งแบบน้ำมีวิธีการใช้คือ หยดคลีนซิ่งลงบนสำลี แล้วนำมาเช็ดคราบเครื่องสำอางและคราบความมันต่าง ๆ ให้หลุดออกไปจากบนผิวหน้า จนไม่มีคราบและสิ่งสกปรกเหลืออุดตันอยู่บนผิวหน้า
-
ผิวเป็นสิวง่าย
ผิวเป็นสิวง่ายเหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำนม เป็นคลีนซิ่งที่มีลักษณะคล้ายน้ำนม เป็นสูตรที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน จึงเหมาะกับผิวที่เป็นสิวง่าย เพราะผิวที่เป็นสิวง่ายมักจะขาดความชุ่มชื้นจนทำให้ต่อมไขมันต้องผลิตน้ำมันออกมามากจนทำให้เกิดการอุดตัน ต้องคอยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นประจำ คลีนซิ่งแบบน้ำนมมีวิธีการใช้คล้ายกับคลีนซิ่งแบบน้ำเลยคือ หยดคลีนซิ่งลงบนสำลี แล้วนำมาเช็ดคราบเครื่องสำอางและคราบความมันต่างๆ ให้หลุดออกไปจากบนผิวหน้า จนไม่มีคราบและสิ่งสกปรกเหลืออยู่บนผิวหน้า
-
ผิวผสม
ผิวผสมเหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำ เพราะผิวผสมจะมีความมันส่วนเกินมากบริเวณตรงทีโซน การใช้คลีนซิ่งแบบน้ำจะทำให้ผิวหน้าไม่มันหลังการทำความสะอาดเสร็จ แต่อาจต้องเลือกคลีนซิ่งแบบน้ำที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ด้วย เนื่องจากบางบริเวณของผิวผสมอาจจะมีความแห้งกร้านเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้ามีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมก็จะทำให้ผิวหน้าแห้งลงไปอีก ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอย สิว อาการแพ้ระคายเคือง และผิวมีความมันกว่าเดิมได้
-
ผิวแห้ง
ผิวแห้งเหมาะกับคลีนซิ่งแบบน้ำมัน ซึ่งเป็นคลีนซิ่งที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม น้ำมันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง จึงเหมาะกับผิวแห้งเป็นพิเศษ คลีนซิ่งแบบน้ำมันมีวิธีการใช้คือ หยดคลีนซิ่งแบบน้ำมันลงบนนิ้วมือ แล้วนวดลงบนผิวหน้าเพื่อทำความสะอาดคราบต่างๆ จนทั่วทั้งใบหน้า ถ้าหากหนืดเกินไปก็อาจจะเอานิ้วชุบน้ำแล้วนวดไปพร้อมกับคลีนซิ่งน้ำมัน ก็จะทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
-
ผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่ายเหมาะกับ คลีนซิ่ง สิว แบบเจล ซึ่งเป็นคลีนซิ่งที่มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความอ่อนโยนมากเป็นพิเศษจึงเหมาะกับผิวที่บอบบางแพ้ง่าย และที่สำคัญคือ คลีนซิ่งแบบเจลจะมีตัวบำรุงในตัวด้วย ทำให้ใช้แล้วผิวหน้าชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง แต่ด้วยความที่คลีนซิ่งตัวนี้อ่อนโยนมาก ๆ จึงอาจต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดนานกว่าคลีนซิ่งตัวอื่น ๆ วิธีการใช้ คือ นวดล้างทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตามแนวขนให้ทั่วหน้าและลำคอ จนสะอาดไม่มีคราบหลงเหลือ
เคล็ดลับการทำความสะอาดผิวหน้า
- ขั้นแรกลบเครื่องสำอางต่างๆ ออกด้วยคลีนซิ่งจนสะอาด เพื่อไม่ให้มีคราบที่กำจัดด้วยน้ำเปล่าและโฟมล้างหน้าไม่ได้หลงเหลืออยู่จนทำให้เกิดการอุดตันและเกิดเป็นสิวอุดตัน
- ทำความสะอาดผิววันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว หากทำความสะอาดมากไปเกิน ผิวก็จะแห้งและอาจเกิดการระคายเคืองได้
- เปิดรูขุมขนบ้างบางครั้งด้วยน้ำอุ่น และปิดรูขุมขนทุกครั้งที่ทำการเปิดรูขุมขนด้วยน้ำเย็น เพื่อรูขุมขนจะได้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ