สารบัญ
คุณคงเคยได้ยิน AHA ตามคำโฆษณาจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของ AHA อยู่บ่อยๆ ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า ผิวใต้รักแร้ ขาหนีบ ส้นเท้า ตาตุ่ม ที่ผสม Ingredient อย่าง AHA ลงไปในตัวของผลิตภัณฑ์ เพราะ AHA มีประโยชน์และคุณสมบัติมากมาย ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ลดรอยหมองคล้ำ ลดรอยจุดด่างดำ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงไม่แปลกที่ AHA จะถูกยกให้เป็นตัวช่วยกู้ผิวที่น่ามหัศจรรย์
AHA คืออะไร
AHA ถูกเรียกกันสั้นๆแบบติดปาก แต่จริงๆแล้วย่อมาจาก Alpha Hydroxy Acids (กรดอัลฟาไฮดรอกซี) ซึ่งเป็นกรดที่ได้จากผลไม้ตามธรรมชาติ เป็นกรดผลไม้AHAอ่อนๆ ซึ่งมีคุณสมบัติมากมาย จึงเป็นที่นิยมใช้ในวงกว้าง เพราะ AHA มีส่วนในเรื่องของการ ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ บำรุงผิว คืนความอ่อนเยาว์ลดริ้วรอย ซึ่งในวงการแพทย์ อย่างคลินิกเสริมความงาม มักนำกรด AHA มาใช้รักษาคนไข้ที่ปัญหาเรื่องของ สิว ฝ้า กระ และ จุดด่างดำ หรือแม้แต่สกินแคร์แบรนด์ชั้นนำไปจนถึงแบรนด์ทั่วไปก็มักนำ AHA มาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน
ประเภทของ AHA
AHA หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี ถูกแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากน้ำตาล นม ถั่ว และ ผลไม้ต่างๆ และ AHA คือ มีความเข้มข้น สามารถละลายน้ำได้
Citric Acid (กรดซิตริก)
มาจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อย่างพวก ส้ม , มะนาว
Glycolic Acid (กรดไกลโคลิก)
มาจากน้ำตาลธรรมชาติ ที่มีอยู่ในอ้อย
Malic Acid (กรดมาลิก)
กรดที่ได้จากธรรมชาติ พบได้มากในแอปเปิ้ล ทำให้เรียกกันว่า กรดแอปเปิ้ล มีความเปรี้ยวแต่เปรี้ยวคนละแบบกับกรดซิตริก
Tartaric Acid (กรดทาร์ทาริก)
มาจากผลไม้เช่นเดียวกัน ซึ่งพบได้มากที่สุดใน มะขาม และ องุ่น
Lactic Acid (กรดแลคติก)
กรดที่ได้มาจาก นม อย่างพวกนมเปรี้ยว โยเกิร์ต
กระบวนการออกฤทธิ์ของ AHA เป็นอย่างไร
กรดผลไม้ AHA ออกฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ (Exfoliate) เซลล์ที่ตายแล้ว ที่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวชั้นนอกทับถมกันให้หลุดลอกออกได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง สร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวขาวใสขึ้น ริ้วรอยจุดด่างดำลดลง รวมไปถึงผิวยังสามารถรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ การออกฤทธิ์จะอยู่ที่ความเข้มข้นของ AHA คือ ที่เป็นส่วนประกอบมากพอ ซึ่งปริมาณที่พอเหมาะอยู่ที่ 5-10 เปอร์เซ็นต์ในผลิตภัณฑ์
AHA ประเภทไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน
หากจะพูดว่าตัวไหนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ากัน ต้องบอกว่า AHA ในแต่ละประเภทมีประสิทธิภาพค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการ และ ผิวของแต่ละบุคคลด้วย อย่างประเภท Glycolic Acid กรดไกลโคลิก ที่ได้จากอ้อยจะไม่เหมือนกับประเภทอื่นๆ เพราะจะมีความอ่อนโยนกว่า และมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรง แต่หากเป็นคนที่ผิวระคายเคืองง่าย ควรเลือกใช้เป็นกรด AHA ประเภท Lactic Acid เพราะกรดแลคติก จะอ่อนโยนที่สุด ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
ปัญหาผิวแก้ได้ด้วย AHA
กรดผลไม้ตัวเทพที่ช่วยเปลี่ยนผิวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง เพราะ AHA มีประโยชน์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ดังนี้
AHA ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน
เพราะ สิวอุดตัน เกิดจากสิ่งสกปรกที่เข้าอุดตันตามรูขุมขน ไม่ว่ะจะเป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมนาน ไขมันที่เกิดจากเหงื่อไคล และ แบคทีเรีย ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แต่ AHA จะทำหน้าที่ในการผลัดเซล์ผิวและกำจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน เพื่อลดการเกิดสิว มักถูกแพทย์ผิวหนังนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ดูแล รักษาสิว
AHA ช่วยปรับสีผิว ลดรอยจุดด่างดำ
อย่างที่บอกกรดผลไม้จะมีฤทธิ์อ่อนๆในการช่วยให้ผิวหลุดลอก ทำให้รอยดำจางลง ผิวกระจ่างใส เรียบเนียนมากขึ้น
AHA ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
ผลมาจากการผลัดเซลล์ผิว เกิดการสร้างผิวหนังชั้นนอกขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
AHA ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย
เพราะ กรดอัลฟาไฮดรอกซี ประเภท กรดไกลโคลิก จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เติมน้ำให้ผิว ซ่อมแซมเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ลดอาการหย่อนคล้อยของผิวที่เสื่อมไปตามอายุ ฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก
AHA ช่วยกำจัดติ่งเนื้อ
ฟังไม่ผิดนะ กรดAHAถึงแม้จะเป็นกรดผลไม้อ่อนๆแต่ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์สามารถช่วยกำจัดติ่งเนื้อเล็กๆบริเวณใบหน้าและลำคอได้ด้วย
สิ่งที่ควรระวังสำหรับการใช้ AHA
ข้อดีของ AHA คือ ที่กล่าวมาทั้งหมด ถึงแม้จะช่วยแก้ปัญหาผิวได้มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้กรดอัลฟาไฮดรอกซี เช่นเดียวกัน โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้แนะนำการใช้ AHA นั้นควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
ควรระวังปริมาณใช้ AHA
ในปริมาณความเข้มข้นโดยรวมไม่เกิน 10% หากมากกว่านั้นอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น อาการคัน รอยแดง ผิวไหม้ หากมากเกินกว่า 10% ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ควรระวังการออกแดดหลังการใช้ AHA
ควรเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดที่แรงจ้า เพราะกรดAHA จะทำให้ผิวไวต่อรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ควรทา ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวอีกชั้น
ควรระวังวิธีการใช้ AHA
หากใครที่เป็นผู้ที่เริ่มใช้ AHA ต้องค่อยๆเริ่มจากความเข้มข้นที่น้อยๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มระดับความเข้มข้น อย่างเช่น เริ่มต้นใช้จาก 5% แล้วเพิ่มไปเป็น 7% , 10% เป็นต้น
สำหรับใครที่อยากแก้ปัญหาผิวด้วยกรด AHA หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA เป็นส่วนประกอบ แต่ควรเลือกให้เข้ากับผิวหน้าของตัวเองด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และนอกจากกรด AHA ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวที่หมองคล้ำ ผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้แล้ว ก็ยังมี BHA , PHA และ LHA ที่มีความแตกต่างจากแหล่งที่มาและโมเลกุล แต่มีประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกัน