9 พฤติกรรมที่ทำให้ หน้ามัน รูขุมขนกว้าง มากขึ้น

หน้ามัน รูขุมขนกว้าง
Reading Time: 2 minutes

พฤติกรรมบางอย่างอาจทำให้ “ผิวมัน” ยิ่งขึ้น หน้ามัน รูขุมขนกว้าง 

จริงอยู่ว่า ผิวของคนเราต้องการผลิตน้ำมันเพื่อให้ผิวแลดูอ่อนนุ่ม เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองของผิวที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก แต่ พฤติกรรมที่ทำให้ผิวของคุณผลิตความมัน บางอย่างสามารถนำไปสู่การเกิดสิวได้

แม้ว่า ทุกวันนี้ต่างมีเคล็ดลับกู้ผิวมันและวิธีการขจัดคราบความมันส่วนเกินออกจากผิวที่หลากหลาย หรือมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนและทำเป็นอยู่ประจำ ความมันก็ไม่หาย แต่ก็ยังมีปัญหาตามมาอยู่ดี เพราะการกำจัดความมันตามธรรมชาติหรืออย่างจริงจังต่อผิวของคุณ อาจทำให้ผิวต้องผลิตน้ำมันมากขึ้น จึงสังเกตุได้ว่า การต่อสู้กับผิวมัน สามารถทำให้สถานการณ์แย่ลง เราลองมาเช็คพฤติกรรมกันดีกว่าค่ะ

1. พฤติกรรมการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป

ผู้ที่มีผิวมันไม่จำเป็นต้องล้างหน้าบ่อยจนเกินไป เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ  จะทำให้ผิวเสียสมดุล ขาดความชุ่มชื้น พอผิวขาดความชุ่มชื้น จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามาก ทำให้ หน้ามัน รูขุมขนกว้าง มากขึ้น มีโอกาสสูงที่รูขุมขนของผิวอุดตัน และเกิดอาการระคายเคืองทำให้สิวที่เป็นอยู่ลุกลามมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เคล็ดลับการทำความสะอาดผิวหน้าที่ถูกต้อง คือ ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ตามปกติก็เพียงพอแล้ว และใช้น้ำที่อุณหภูมิปกติ ไม่ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นล้างหน้า

2. การใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมแรงมากเกินไป

การใช้คลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ , พาราเบน , น้ำหอม , สีสังเคราะห์ เหล่านี้จะเป็นการทำร้ายผิวหน้า ผิวจะเสียสมดุล ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และผิวแพ้ได้  ดังนั้นผู้ที่มีผิวมันควรคลีนผิวโดยเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนกับผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้งเกินไปจนเกิดการระคายเคือง

ผิวหน้ามันมาก

3. การสครับผิวบ่อยครั้งและรุนแรงจนเกินไป

ถึงแม้ว่าสครับจะเป็นสกินแคร์มาแรงอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น แต่การทำสครับหน้าบ่อยๆ หรือรุนแรงจนเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมกับผิวมากนัก ไม่ว่าจะผิวประเภทใด โดยเฉพาะผิวบอบบาง เป็นสิวง่าย   เพราะภูมิคุ้มกันผิวตามธรรมชาติของเราจะถูกทำลายไปกับการสครับด้วย ทำให้สิ่งสกปรก และแบคทีเรียจู่โจมเข้าสู่ผิวเราได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรสครับผิวเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวโดยเฉพาะด้วย

4. การไม่ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว

หลายคนเข้าใจว่าหากมีผิวหน้ามันเยิ้มแล้ว ไม่ควรเอาครีมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ บำรุงผิว ลงบนผิวอีก เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก เพราะว่าความชุ่มชื้นและความมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แม้ว่าผิวเราจะมันมากขนาดไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าความชุ่มชื้นหรือน้ำใต้ผิวเราจะผลิตออกมาได้เท่าๆ กัน เราอาจเป็นคนผิวหน้ามัน ขาดน้ำก็ได้  และหากผิวเราขาดน้ำ สิ่งที่ตามมาก็คือ ต่อมไขมันจะเร่งผลิตน้ำมันออกมา ทำให้หน้ามันเยิ้มหนักกว่าเดิมอีก   

ดังนั้นการรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเอสเซนส์บำรุงผิวหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวอีกด้วย

 

5. การไม่ใช้ครีมกันแดด

พฤติกรรมการไม่ทาครีมกันแดดเนื่องด้วยคิดว่าจะทำให้ผิวหน้าทวีความมันยิ่งขึ้นนั้นเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง  เพราะการทาครีมกันแดดเป็นการช่วยดูแลผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสียูวีในแสงแดด และช่วยลดการกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิมจนทำให้หน้ามันยิ่งขึ้นด้วย  ดังนั้นควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง  โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาและมีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมันด้วย ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ผิวบอบบางเป็นสิวง่าย

6. การรับประทานอาหารที่กระตุ้นความมันบนผิว

สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่จะกระตุ้นในเกิดผิวหน้ามันมากยิ่งขึ้น เช่น อาหารจำพวกของทอด อาหารไขมันสูง  อาหารที่ทำจากนม  น้ำตาลและของหวาน  แป้งสาลี เป็นต้น การบริโภคอาหารประเภทนี้ในปริมาณที่มากเกินไปจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ต่อมไขมันใต้ผิวของเราทำงานหนักมากขึ้น ผลิตน้ำมันออกมาตามผิวมากขึ้นกว่าเดิม  และก่อให้เกิดปัญหาสิวตามมา

อาหารไม่มีประโยชน์

7.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิว

การเลือกใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวของตนเอง  หากเป็นผู้ที่มีผิวมันก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน น้ำหอมและแอลกอฮอล์   และที่สำคัญอย่าลืมเช็ดเครื่องสำอางออกและล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดทุกวันก่อนนอนด้วย

8. พฤติกรรมการอดนอน

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผิวพรรณของเรา เพราะว่าในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่ผิวกำลังฟื้นฟูยกกระชับผิว ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ถ้าเรานอนไม่พอ ก็เหมือนไปรบกวนระบบการฟื้นฟูของผิว ทำให้ผิวขาดความสมดุล ผิวไม่กระจ่างใส  ต่อมไขมันผลิตไขมันผิดปกติ  ส่งผลทำให้ตื่นมาผิวหน้าจะหม่นหมองและมีรอยคล้ำใต้ตาได้  แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างเป็นประจำก็จะทำให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ไร้ความมันส่วนเกิน โอกาสการเกิดรอยคล้ำใต้ตาลดลง แถมยังช่วยให้สมองปลอดโปร่งอีกด้วย

การอดนอน

9. อารมณ์และความเครียด

อารมณ์และความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวหน้ามันมากยิ่งขึ้นได้  เพราะความเครียดจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนออกมามากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อไปให้ต่อมไขมันใต้ผิวของเราขับน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวออกมามากขึ้น และตามมาด้วย หน้ามัน และปัญหาสิวอีกด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า