สารบัญ
หน้ามันทําไงดี แก้ด้วย 7 ขั้นตอน
ระหว่างวันเรามักจะเจอกับความมันส่วนเกินบนใบหน้าสุดมันเยิ้ม จนบางครั้งก็ทำให้เราเสียเซลฟ์หรือเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาได้ แล้วเราจะสามารถกำจัดความมันส่วนเกินออกไปจากใบหน้าของเราได้อย่างไร? วันนี้แอดมินก็มี 7 ขั้นตอน ขจัดความมันบนใบหน้าด้วยคลีนซิ่งและคลีนเซอร์โฟมล้างหน้า รับรองควบคุม หน้ามัน ได้ตลอดวัน มาฝากทุกคนกัน จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ซับความมันออกก่อนด้วยกระดาษทิชชูสำหรับผิวหน้า
ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เราตื่นจากการนอนในตอนเช้าหรือช่วงเย็นที่เรากลับมาจากทำงาน ก็มักจะมีปัญหา หน้ามันทําไงดี มีความมันส่วนเกินให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นประจำ ก่อนล้างหน้าควรซับความมันส่วนเกินออกไปบ้าง เพื่อให้การล้างหน้าเป็นไปได้ง่ายและสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถซับความมันส่วนเกินออกได้ง่าย ๆ โดยใช้ทิชชูสำหรับผิวหน้าหรือกระดาษซับความมันบนใบหน้าก็ได้ ความมันบนใบหน้าที่มากเกินไปก็จะถูกกำจัดออกบางส่วนในขั้นตอนนี้
เช็ดเครื่องสำอางและคราบความมันออกด้วยคลีนซิ่ง
หากเราต้องแต่งหน้า คลีนซิ่งเป็นสิ่งจำเป็นและไม่ควรมองข้ามเลย ถือเป็นเคล็ดลับทำความสะอาดผิวเลย เนื่องจากในเครื่องสำอางและคราบความมันบางอย่างไม่อาจถูกกำจัดออกไปได้ด้วยการใช้คลีนเซอร์โฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางและคราบความมันต่าง ๆ ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกจากเครื่องสำอางที่อาจตกค้างอยู่ในรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวอุดตันได้นั่นเอง
ชโลมผิวด้วยน้ำอุ่น
ขั้นตอนต่อมาเป็นขั้นตอนเริ่มเข้าสู่การล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ เราจะเลือกใช้คลีนเซอร์เนื้อโฟมหรือเนื้อเจลก็ได้ขึ้นกับสภาพผิว ซึ่งก่อนที่เราจะใช้คลีนเซอร์นวดลงบนในหน้า เราก็ต้องชโลมผิวให้เปียกด้วยน้ำก่อน เพื่อให้การล้างหน้าเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น โดยเราจะเริ่มชโลมผิวด้วยน้ำอุ่นก่อน เพราะน้ำอุ่นจะช่วยให้รูขุมขนของเราขยายตัวและเปิดกว้างมากขึ้น การเปิดรูขุมขนนี้จะช่วยให้การล้างหน้าเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถกำจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ลึกถึงในรูขุมขน และยังช่วยทำให้ผิวหน้าผ่อนคลายจากความเครียดด้วย เนื่องจากความร้อนจะทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นด้วยนั่นเอง
ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า
ต่อมาเราก็ทำการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้ากันเลย ซึ่งโฟมล้างหน้าที่เลือกใช้ก็ควรที่จะให้ความชุ่มชื้นกับผิวหรือช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ควรเป็นโฟมล้างหน้าที่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงหรือสูญเสียความชุ่มชื้น เนื่องจากความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญบนใบหน้ามาก ซึ่งเป็นกลไกการปกป้องผิวอย่างหนึ่ง หากผิวขาดความชุ่มชื้น ต่อมไขมันก็จะต้องเร่งการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมาก เพื่อนำไปชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป อีกทั้งการที่ผิวแห้งจนเกินไปอาจทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นหรือริ้วรอยก่อนวัยได้ ดังนั้นเราจึงต้องระวังในการเลือกใช้โฟม ควรใช้โฟมที่ผสานคุณค่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ บำรุงผิว และไม่ทำให้เกิดการสูญเสียความชุ่มชื้น
ชโลมผิวด้วยน้ำเย็น
เมื่อเราล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องทำการปิดรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้งหนึ่ง เพราะในการล้างหน้าเราใช้น้ำอุ่นล้างเพื่อทำการเปิดรูขุมขนเอาไว้ การปิดรูขุมขนเป็นการปิดไม่ให้สิ่งสกปรกเข้ามาในรูขุมขนอีก และเป็นการกระชับรูขุมขน ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลง ซึ่งเมื่อรูขุมขนมีขนาดเล็กลงแล้ว การผลิตน้ำมันของต่อมไขมันก็จะลดลงด้วย ในจุดนี้ก็จะช่วยควบคุมความมันได้เป็นอย่างดี
ซับผิวหน้าให้แห้ง
ข้อแนะนำสำหรับการซับผิวหน้าให้แห้งหลังล้างหน้าเสร็จแล้ว นั่นก็คือ ควรซับอย่างเบามือ ไม่ควรถูหรือเสียดสีผ้าขนหนูกับผิวหน้า และควรใช้ผ้าขนหนูที่มีความนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง สะอาด สามารถซับน้ำได้ดี เพื่อให้การสัมผัสกับผิวหน้าเป็นไปอย่างละมุนมากที่สุด เพราะหากเราใช้ผ้าขนหนูมาถูหรือเสียดสีกับผิวหน้าบ่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยขึ้นได้ รวมถึงอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว เกิดเป็นสิว และทำให้ผิวบอบบาง เป็นสิวง่ายได้อีกด้วย
ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหลังล้างหน้าเสร็จทุกครั้ง
การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว หรือเอสเซนส์บำรุงผิวหน้า หลังล้างหน้าเสร็จเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ผิวหน้าคงความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ ซึ่งเมื่อผิวมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว ต่อมไขมันก็จะผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง ทำให้ความมันส่วนเกินต่าง ๆ ลดน้อยลงไปด้วย เนื่องจากผิวจะรู้ว่า บนผิวมีความชุ่มชื้นคอยปกป้องผิวอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีการผลิตน้ำมันออกมาบนใบหน้า เพื่อมาปกป้องผิวอีก ผิวหน้าของเราจึงมีความมันน้อยลง อีกทั้งยังมีความชุ่มชื้น นุ่มเด้ง เนียนใส เพิ่มเข้ามาอีกด้วย เพราะนอกจากมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวจะช่วยควบคุมความมันแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูยกกระชับผิว ลดความเครียดของผิว จัดการริ้วรอย จุดด่างดำ และชะลออายุผิวให้มีความอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอด้วย
จบกันไปแล้วทั้ง 7 ขั้นตอน ง่ายมาก ๆ ทุกคนสามารถเอาไปลองทำกันได้เลยนะคะ โดยทำตามขั้นตอนนี้ทั้งในการล้างหน้าตอนเช้าและเย็น ทำเป็นประจำทุกวัน (ในตอนเช้า หากไม่ได้แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดด สามารถตัดขั้นตอนที่ 2. เช็ดเครื่องสำอางและคราบความมันออกด้วยคลีนซิ่ง ออกได้) ผิวหน้าของเราก็จะชินกับการที่ไม่ต้องผลิตน้ำมันออกมาเยอะ ๆ แล้วล่ะค่ะ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผิวหน้าของเราใสกิ๊ก ไร้ความมันบนใบหน้าแล้วค่า