สารบัญ
หลายๆ คนที่มีมักจะประสบปัญหา ผิวแห้ง ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพภายนอกเท่านั้น แต่อาจจะทำให้ผิวเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ผิวลอก เป็นขุย ผิวแตก มีอาการคัน หรือ มีปัญหาสิวตามมา โดยบางครั้งอาจจะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเป็นลักษณะผิวของแต่ละบุคคล บางครั้งอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมอยู่ด้วย เช่น สภาพอากาศ การอาบน้ำร้อนเกินไป และการสัมผัสสารเคมีบางชนิดยังสามารถทำให้ผิวของเราแห้งได้ด้วย ยังสามารถเป็นผลมาจากอาการเจ็บป่วยได้ด้วยเช่นกัน กรณีที่ผิวมีอาการแห้งเกิดจากสภาพปัจจัยแวดล้อมภายนอกเพียงแค่ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ช่วยบรรเทาอาการแห้งกร้านให้หายไปได้ และวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุของผิวแห้ง ประเภทของผิวแห้ง และวิธีการดูแลผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ผิวแห้ง คืออะไร
ผิวแห้ง หรือ Dry Skin คือสภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้นและน้ำมันที่จำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่นและความนุ่มนวลของผิวหนัง โดยที่สภาพผิวแห้งมักมีลักษณะเป็นผิวที่หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย และอาจมีอาการคันและระคายเคืองร่วมด้วย สร้างความลำคาน รวมไปถึงส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยตรงอีกด้วย
ผิวแห้ง เกิดจากอะไร
ผิวแห้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่อาจจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัยหลัก ซึ่งได้แก่ ปัจจัยภายนอกร่างกาย และปัจจัยภายในร่างกาย
ปัจจัยภายนอก (External Cause)
ส่วนใหญ่แล้วมาจากปัจจัยภายนอกร่างกาย ซึ่งมีข้อดีก็คือการแก้ปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกสามารถดูแลได้ง่ายกว่า ตัวอย่างปัจจัยภายนอก ได้แก่
สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
อากาศเย็นและแห้งในฤดูหนาว หรือสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ สามารถทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงแสงแดด รังสียูวี
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ คลีนเซอร์ ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว หรืออาจจะมีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีที่มีความรุนแรง มีค่า pH ที่ไม่เหมาะสมกับผิว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเกิดการแห้ง และระคายเคืองได้อย่างง่ายดาย
การอาบน้ำร้อนนานเกินไป
การใช้เวลาในการอาบน้ำร้อนที่นานเกินไป หรือการอาบน้ำด้วยน้ำร้อนจัด การใช้ผลิตภัณฑ์หรือสารทำความสะอาดผิวที่รุนแรงไปก็จะไปทำลายน้ำมันที่มีอยู่ตามธรรมชาติในชั้นผิว เป็นสาเหตุของการที่ทำให้ผิวแห้ง และสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การสัมผัสกับสารเคมี
แม้จะมีโอกาสไม่มาก แต่การที่เรามีโอกาสในการสัมผัสทั้งสารเคมีที่อันตราย และไม่อันตรายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก แม้กระทั่งสารเคมีในผลิตภัณฑ์ด้านความงามอื่นๆ มีโอกาสทำให้ผิวหนังแห้งและระคายเคืองได้แน่นอน
ปัจจัยอื่น ๆ
และยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกไม่ว่าจะเป็น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง เกิดได้ง่ายในช่วงเวลาที่มีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำ ความชื้นในอากาศน้อย ส่งผลทำให้เกิดผิวมีความแห้งได้ เช่น เวลาไปต่างประเทศอุณหภูมิติดลบ จะมีปัญหาผิวแตกแห้งง่าย หรือสาวๆ ที่นั่งทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศ นั่งอยู่ในห้องแอร์นานๆ ก็ทำให้ผิวแตกได้เช่นกัน
ปัจจัยภายใน (Internal Cause)
การเกิดผิวแห้งไม่ได้มีเพียงสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอกเพียงแค่นั้น ยังมีปัจจัยภายในมาเกี่ยวข้อง มาเป็นตัวกระตุ้นอีกทางหนึ่ง ที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันธรรมชาติและการรักษาความชุ่มชื้นในผิว มาดูกันว่าปัจจัยภายในเหล่านี้มีอะไรบ้างและส่งผลต่อผิวแห้งอย่างไร
พันธุกรรม
มาเริ่มที่ข้อแรกของปัจจัยภายใน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลย โดยที่บางคนอาจมีผิวแห้งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่ ทั้งบ้านเป็นคนผิวแห้งแต่กำเนิดทำให้ผิวขาดน้ำมันธรรมชาติและความชุ่มชื้น
ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ สามารถทำให้ผิวแห้งได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่วนมากจะเกิดกับเพศหญิง
อายุ
อายุก็เป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถลด หรือชะลอได้เลย เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตน้ำมันธรรมชาติในผิวจะลดลง ทำให้ผิวแห้งและสูญเสียความยืดหยุ่น
อาหาร
การบริโภคอาหารที่ขาดสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามินอีและโอเมก้า-3 อาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น แต่ข่าวดีก็คือคุณสามารถเติมวิตามินที่ขาดไปได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบหมู่ หรือรับประทานอาหารเสริมส่วนที่ขาดได้
โรคผิวหนัง
โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) สามารถทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษา
ยารักษา
ยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิว ยาลดไขมัน หรือยาขับปัสสาวะ สามารถทำให้ผิวแห้งเป็นขุย ในข้อนี้ก็สามารถที่จะเลือกหยุดยาได้ หรือควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาอยู่ เพื่อลดหรือเปลี่ยนแปลงตัวยาที่ใช้รักษาได้
ความเครียดและการนอนหลับ
ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบต่อสภาพผิว ทำให้ผิวแห้งและดูไม่สดใส วิธีแก้ไขก็ตรงตัว หากคุณพักผ่อนอย่างเพียงพอ สุขภาพจิตดี ปัญหานี้ก็าอจจะไม่เกิดขึ้น นอกจากสุขภาพจิตจะดีแล้ว สุขภาพผิวหนังก็ดีตามไปด้วย
วิธีการป้องกันปัญหาผิวแห้ง
การป้องกันปัญหาผิวแห้งสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและความสมดุลของผิว การดูแลผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีผิวที่นุ่มนวลและป้องกันการเกิดปัญหาผิวแห้งในอนาคต แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าการป้องกันด้วยวิธีต่อไปนี้ ส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้เฉพาะปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น มาดูวิธีการป้องกันผิวแห้งกัน
- พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น เช่น การล้างหน้าหรืออาบน้ำร้อนจัด การใช้สบู่หรือสารทำความสะอาดที่รุนแรงเกินไป
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่หนาวจัด หรือร้อนจัดจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือสารที่อาจทำอันตรายต่อชั้นผิว
- ไม่ควรขัดผิวหน้าบ่อยจนเกินไป
- เติมความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ โดยปกติเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวจะผลิตน้ำมันได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น จึงควรเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเต็มเติมความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ โดยการเลือกครีมที่ใช้ ควรเป็นครีมที่เน้นให้ความชุ่มชื้น ไม่ผสมน้ำหอมหรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวมีการระคายเคือง เช่น Paraben, Alcohol เป็นต้น
- การดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผิวแตกแห้งได้ด้วย
- บริโภคอาหารที่มีสารอาหารหลายชนิดซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรง ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แร่ธาตุสังกะสี เป็นต้น
ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรดี
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว เนื่องจากความชื้นในอากาศจะน้อยลง ผิวยิ่งต้องการความชุ่มชื้นมากขึ้น
ดังนั้นการเลือกใช้จึงควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื่น (Moisturizer) ให้ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
- เริ่มต้นจากการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าก่อน
- แล้วตามด้วยขั้นตอนของการล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวได้ยาวนาน
- ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นและการใช้สบู่ในการล้างหน้า เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำมันที่คอยทำหน้าที่เคลือบผิวตามธรรมชาติมากขึ้น
- หลังจากล้างผิวหน้าให้สะอาดหมดจดแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงผิว โดยเราควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ออกแบบมาสำหรับผิวขาดความชุ่มชื้นเป็นประจำทุกครั้งหลังล้างหน้า และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่เป็นเนื้อครีม (creams) มากกว่าผลิตภัณฑ์รูปแบบเนื้อโลชั่น (lotions)
เนื่องจากเนื้อครีมจะมีความเป็นน้ำมัน และความเข้มข้นที่จะกักเก็บความชื้นให้ผิวได้มากกว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ
นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ประกอบด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ ก็จะช่วยทำให้ผิวที่แห้งกร้านรู้สึกผ่อนคลาย มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ รวมทั้งการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวีด้วยผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญที่ลืมไม่ได้
Q&A
คำถาม 1: เราสามารถป้องกันสภาวะผิวขาดความชุ่มชื้นได้อย่างไร
คำตอบ 1: เราสามารถป้องกันผิวของเราไม่ให้แห้งกร้านได้ โดยการหลีกเลี่ยงการล้างหน้าหรือการอาบน้ำด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจะเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารกันเสีย รวมถึงการหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้งและเย็นเป็นเวลานาน หรือถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรทาผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
คำถาม 2: ผิวแห้งกับผิวขาดน้ำ แตกต่างกันอย่างไร
คำตอบ 2: ผิวแห้งคือผิวที่มีชั้นใต้ผิวผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงผิวน้อยเกินไป ทำให้ผิวมีอาการรแห้งแตก ระคายเคือง ลอกเป็นขุยขาวๆ และมีอาการคันร่วมด้วย แต่ผิวขาดน้ำเป็นผิวที่ชั้นใต้ผิวไม่มีน้ำโอบอุ้มมากพอ หรือผิวไม่ชุ่มชื่นไม่อิ่มน้ำนั่นเอง
คำถาม 3: เคล็ดลับ ดูแล ผิวแห้ง มีอะไรบ้าง
คำตอบ 3:
- ดื่มน้ำให้มากๆ วันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน
- เลือกใช้ สกินแคร์ ประเภท Hydrating จะช่วย ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น
- การมาสก์หน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ จะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้อย่างล้ำลึก
- เลือกใช้สลีปปิ้งมาส์กแทนไนท์ครีม เพราะสลีปปิ้งมาส์กมีส่วนผสมของสารบำรุงที่เข้มข้นกว่าครีมธรรมดา สามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวระหว่างที่เรานอนหลับได้
คำถาม 4: ปัญหาผิวแห้งมักเกิดขึ้นกับใครบ้าง
คำตอบ 4:
- ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีโอกาสสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากขึ้น
- ผู้ที่อยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน
- ผู้ที่ทำงานหรือมีกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องตากแดดเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี
- ผู้ที่กินยารักษาสิว ประเภทต่างๆ ก็มีผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้เช่นกัน
คำถาม 5: ปัญหาผิวแห้งมักเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชายจริงหรือไม่
คำตอบ 5: จากการศึกษาพบว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็มีแนวโน้มจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากขึ้นด้วยยิ่งผู้ที่ต้องเผชิญมลภาวะต่างๆ ในเมืองด้วยแล้วก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ผิวมีความแห้งลงได้อีกด้วย