สารบัญ
ไฮยาลูรอน คือ สารธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลผิวหน้า เช่น เซรั่มไฮยา (Serum) มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) หรือใช้เป็นฟิลเลอร์เติมเต็มน้ำให้ผิว ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์
1.ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ Hyaluronic acid
เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่หลายคนตามหา บางคนทราบดีถึงคุณสมบัติพิเศษ บางคนอาจทราบเพียงแค่ว่าเป็นตัวช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิวเท่านั้น และก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบถึงคุณสมบัติที่ดีของตัวช่วยมหัศจรรย์นี้ พร้อมเกิดคำถามมากมายว่าจริงๆแล้ว สำคัญอย่างกับผิวอย่างไร ใช้แล้วเป็นอันตรายหรือไม่ และอีกสารพัดคำถาม แต่ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เราจะพาคุณไปหาคำตอบกัน
2.ไฮยาลูรอน คืออะไร
ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นสารโมเลกุลธรรมชาติชนิดหนึ่ง จัดเป็นโมเลกุลประเภทน้ำตาลที่เรียกว่า Polysaccharide ที่พบได้ในเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยปกติแล้ว Hyaluronic acid เป็นสารที่ร่างกายของเราสามารถสร้างขึ้นเองได้ (บริเวณชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า) แต่ร่างกายของเราจะผลิตสารได้น้อยลงและช้าลงเมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วผิวของเราจะเริ่มสร้าง สารชนิดนี้ได้น้อยลง ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังจึงพยายามคิดค้น สังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อใช้ทดแทนสิ่งที่ที่ร่างกายสร้างขึ้นได้น้อยลงนั่นเอง
3.ไฮยาลูรอน ช่วยอะไร
คุณสมบัติดูดซับและกักเก็บโมเลกุลของน้ำในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ไม่แห้งกร้าน รวมถึงกระตุ้นให้เซลล์ผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) บริเวณชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ยืดหยุ่น ผิวเด้งกระชับ อ่อนเยาว์ สุขภาพดี เมื่ออายุคนเรามากขึ้นความสามารถในการสร้าง Hyaluronic acid ในชั้นผิวก็จะลดลง (ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความร้อน อุณหภูมิ ปฏิกิริยาทางเคมี อนุมูลอิสระ) ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และเกิดริ้วรอยก่อนวัย การใช้ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic acid ทั้งแบบเซรั่มไฮยา และมอยเจอร์ไรเซอร์จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูผิวพรรณได้ดี ด้วยเติมให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นเต่งตึง ลดริ้วรอย ผิวสวยสมวัย นอกจากนี้ตัวช่วยมหัศจรรย์นี้ยังมีความสามารถในการออกฤทธิ์ตามขนาดโมเลกุลได้อีกด้วย
ไฮยาลูรอนแยกตามขนาดโมเลกุล
-
ขนาดเล็กมากกว่า 600 kDa (High Molecular Weight)
มีคุณสมบัติช่วยให้ชั้นผิวหนังกำพร้ามีความชุ่มชื้น ป้องกันการระเหยออกน้ำในชั้นใต้ผิว ลดการอักเสบจากแสงยูวี
-
ขนาดเล็กมากกว่า 150 – 600 kDa (Middle Molecular Weight)
มีคุณสมบัติช่วยในการกระตุ้นชั้นหนังกำพร้า สร้าง Hyaluronic acid เพื่อให้ผิวกลับมาชุ่มชื่น อิ่มฟูมากยิ่งขึ้น
-
ขนาดเล็กมากกว่า 150 kDa (High Molecular Weight)
มีคุณสมบัติในการซึมซาบสู่ผิวชั้นลึกที่สุด จากหนังกำพร้าถึงชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นให้ชั้นผิวหนังสร้างสารชนิดนี้ ทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น รวมถึงกระตุ้นให้ชั้นหนังแท้สร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
4.วิธีเลือกใช้เซรั่ม Hyaluronic
การเลือก เซรั่ม ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดต้องคำนึงถึงปัจจัย ดังต่อไปนี้
ช่วงอายุและขนาดโมเลกุล
ในแต่ละช่วงอายุพบเจอปัญหาที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยการเลือกเซรั่มไฮยาอย่างพิถีพิถัน เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เช่น ช่วงวัย 30 ต้น ๆ – 40 ปลาย เซรั่มที่สามารถเลือกได้มีทั้ง High Molecular Weight, Middle Molecular Weight และ High Molecular Weight ส่วนคนที่อายุตั้ง 50 – 60 ขึ้นไป ควรเลือก High Molecular Weight จะดีที่สุด
ส่วนผสม
เซรั่มไฮยาบางชนิดไม่ได้ใส่เพียงแค่ Hyaluronic acid แอซิดเท่านั้น แต่อาจเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อความคงตัว หรือให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรเลือกเซรั่มไฮยาที่มีเพียง Hyaluronic acid เข้มข้นไปเลย หรือหากอยากได้การบำรุงอื่น ๆ เพิ่มก็ควรเป็นสารที่ไม่อันตรายต่อผิว เช่น วิตามินบี 5 เซราไมด์ มาเดคาสโซไซด์ สารสกัดจากธรรมชาติ เป็นต้น
ผลลัพธ์
แน่นอนว่าปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญไม่ได้มีเพียงผิวหย่อนคล้อย แห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น แต่มีปัญหาอื่นร่วมด้วย ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านั้นร่วมด้วย เช่น ความหมองคล้ำ ควรใช้เซรั่ม ที่มีโคเอนไซน์คิวเทน คอลลาเจน หรืออีลาสติน
เลือกให้เหมาะกับผิว
ผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป บางคนผิวแห้งกร้านมาก บางคนผิวมัน บางคนมีจุดด่างดำ และอีกสารพัดปัญหา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวร่วมด้วย เช่น ถ้ามีผิวแห้งกร้านมาก ควรเลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของอาร์แกนออยด์ ถ้ามีจุดด่างดำ ควรเลือกเซรั่มที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี เป็นต้น
สรุปได้ว่า Hyaluronic acid เป็นตัวช่วยมหัศจรรย์ของผิวพรรณที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี ต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว เป็นเกราะป้องกันอนุมูลอิสระ และจัดได้ว่าเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง (เลียนแบบสารธรรมชาติในชั้นผิว) แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องผลลัพธ์ ช่วงอายุ เหมาะกับสภาพผิวร่วมด้วย จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ