รวมทุกเรื่องของ Cleanser คลีนเซอร์

cleanser

สารบัญ

Reading Time: 3 minutes

Cleanser คืออะไร 

cleanser หรือ คลีนเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว โดยเน้นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง เหงื่อไคล คราบความมันบนใบหน้า และเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ให้ออกไปจากผิวหน้าและรูขุมขน เพื่อป้องกันการอุดตัน การเกิดสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยก่อนวัย และความหมองคล้ำที่อาจเกิดจากสิ่งสกปรกที่สะสมบนผิวและในรูขุมขน 

ทั้งนี้ cleanser มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ตามความต้องการในการใช้งานเพื่อแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวที่กล่าวไปข้างต้น 

cleanser-guide

ทำไมการใช้ คลีนเซอร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

คลีนเซอร์สำคัญกับการดูแลผิวหน้ามาก เพราะแน่นอนว่าในแต่ละวันผิวหน้าเราต้องเจอกับฝุ่นควันและสิ่งสกปรก มีการผลิตความมันส่วนเกิน เหงื่อไคล และอาจเจอกับเชื้อแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักเป็นปัญหาหลักในการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ 

ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวในหมวดของ cleanser ที่มีคุณสมบัติหลักในการทำความสะอาดผิวหน้า กำจัดความมัน แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้ออกไปจากรูขุมขน 

โดยทั่วไปแล้วสารทำความสะอาดที่ใช้เป็นส่วนผสมใน cleanser มักใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือ 

  • สารทำความสะอาดผิวแบบประจุลบ 
  • สารทำความสะอาดผิวแบบไม่มีประจุ 

เนื่องจากมีความอ่อนโยนและเหมาะกับผิวมากกว่าสารทำความสะอาดผิวประเภทอื่น 

โดยสารทำความสะอาดในทางวิทยาศาสตร์จะเรียกว่า “สารลดแรงตึงผิว” ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดแรงตึงผิวของน้ำทำให้เกิดฟองและเกิดกระบวนการทำความสะอาดผิว

สารลดแรงตึงผิวจะมีขั้วที่ชอบน้ำและไม่ชอบน้ำ ส่วนที่ชอบน้ำจะหันไปจับกับน้ำและส่วนที่ไม่ชอบน้ำจะหันไปจับกับไขมันและสิ่งสกปรกที่ไม่ใช่น้ำ เมื่อเราล้างคลีนเซอร์ออกด้วยน้ำ สารลดแรงตึงก็จะออกจากผิวหน้าไปตามน้ำที่ใช้ล้างคลีนเซอร์ออกพร้อมกับนำไขมันและสิ่งสกปรกออกไปด้วย

 

ประเภทของ คลีนเซอร์

คลีนเซอร์มีทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ 

  • โฟมล้างหน้า

มีลักษณะเป็นเนื้อโฟมนิ่ม เมื่อสัมผัสน้ำจะเกิดเป็นฟองนุ่มฟู มีหลากหลายสูตรมาก เช่น รักษาสิว ควบคุมความมัน เพิ่มความขาวกระจ่างใส เป็นต้น    

  • เจลล้างหน้า

มีลักษณะเป็นเจล ให้ความชุ่มชื้นได้มากกว่าโฟมล้างหน้าและสบู่ล้างหน้า มีหลากหลายสีตามสูตรและส่วนผสม เหมาะสำหรับการใช้รักษาสิวและคนที่มีผิวผสม 

  • สบู่ล้างหน้า

มีลักษณะเป็นก้อน มีส่วนผสมที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ไม่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายและคนที่มีผิวแห้งถึงแห้งมาก ส่วนใหญ่สบู่ล้างหน้ามักใช้เพื่อเพิ่มความขาวกระจ่างใส จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ 

  • สบู่ซินเดท

เป็นคลีนเซอร์ที่พัฒนามาจากสบู่ล้างหน้าเพื่อให้มีความอ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวมากขึ้น ซินเดทมักใช้สำหรับลดสิว รักษาสิว ควบคุมความมัน และลดเลือนรอยสิว จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นสิวมากและต้องการลดรอยสิว 

  • ครีมล้างหน้า

มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ให้ความชุ่มชื้นสูงมากที่สุดในบรรดา cleanser ทั้งหมด เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง – แห้งมาก และคนที่ต้องการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า 

  • ผงล้างหน้า

มีลักษณะเป็นผง เมื่อโดนน้ำจะละลายและเกิดเป็นฟอง โดยทั่วไปแล้วผงล้างหน้าจะมีสูตรทำความสะอาดผิวหน้าแบบทั่วไป สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว จึงนิยมนำไปใช้เมื่อต้องไปตั้งแคมป์เดินป่าหรือการเดินทางที่ไม่ต้องการพกอุปกรณ์มาก 

  • โฟมสครับ

เป็นโฟมล้างหน้าที่มีการผสมเม็ดบีตหรือสารสครับผิวลงไปด้วย จึงช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะกับคนที่ต้องการสครับผิวพร้อมกับทำความสะอาดผิวไปด้วยและคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำหรือมีรอยสิว แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิวหรือกำลังมีสิวขึ้นอยู่ เพราะจะทำให้สิวอักเสบและเป็นหนักกว่าเดิม 

คลีนซิ่ง กับ คลีนเซอร์ ต่างกันอย่างไร

 

ประโยชน์ของ คลีนเซอร์ แต่ละประเภท

  • โฟมล้างหน้า

ช่วยรักษาสิว ควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดเลือนรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสมากขึ้น 

  • เจลล้างหน้า

เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ช่วยรักษาสิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยจากการขาดความชุ่มชื้น ลดการผลิตความมันบนใบหน้า  

  • สบู่ล้างหน้า

ลดความหมองคล้ำและเพิ่มความขาวกระจ่างใสให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าดูขาวเปล่งประกายมากขึ้น ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ทำให้ไม่เกิดสิวจากแบคทีเรีย กำจัดความมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดีแต่อาจทำให้ผิวหน้าแห้ง    

  • สบู่ซินเดท

ลดการอุดตัน ลดการเกิดสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เผยผิวกระจ่างใสได้ กำจัดความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด 

  • ครีมล้างหน้า

ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสูง ทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวหน้าฉ่ำเด้งและดูอ่อนเยาว์ได้ 

  • ผงล้างหน้า

ทำความสะอาดใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวหน้าสะอาด สดชื่น ลดการเกิดสิวและควบคุมความมันบนใบหน้า ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บเนื่องจากเป็นผงที่มีขนาดเล็กมากและใช้ล้างหน้าได้โดยไม่ต้องใช้ในปริมาณมาก  

  • โฟมสครับ

ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก ทำให้ลดการอุดตันในรูขุมขน เผยผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวสะอาด เรียบเนียน หมดจด ทำให้ผิวดูดซึมเซรั่มและครีมบำรุงผิวได้ดีขึ้น เพราะไม่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วกั้นการดูดซึม 

 

ส่วนผสมใน Cleansing ต่างจาก Cleanser

AquaPlus Thailand

เลือก คลีนเซอร์ อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

สภาพผิวหน้า

  • ผิวมัน

ผิวหน้ามันควรเลือกคลีนเซอร์ที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า ควบคุมความมัน ลดการอุดตันและเป็นสิว แต่ต้องยังคงความชุ่มชื้นบนผิวเอาไว้ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เพราะถ้าผิวแห้งตึง ขาดความชุ่มชื้น ก็จะทำให้เกิดความมันส่วนเกินบนใบหน้ามากขึ้น และยังอาจทำให้เกิดปัญหาผิวมันขาดน้ำอีกด้วย 

คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวมัน เช่น โฟมล้างหน้าที่มีสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว สบู่ล้างหน้าที่ช่วยลดความมันแต่ยังคงความชุ่มชื้นเอาไว้ และซินเดทสูตรควบคุมความมัน 

  • ผิวผสม

ผิวผสมเป็นสภาพผิวที่มีทั้งผิวมันและผิวแห้งผสมกันอยู่ โดยส่วนทีโซนจะเป็นส่วนที่เป็นผิวมันทำให้มักเกิดความมันส่วนเกินและสิวได้บ่อยในบริเวณนี้ ในขณะที่ส่วนอื่นอาจภาวะผิวแห้งและอาจเกิดริ้วรอยได้ 

ดังนั้น เจลล้างหน้าจึงเหมาะกับผิวผสมมาก เพราะเจลล้างหน้าให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้เป็นอย่างดีพร้อมยังช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตันเป็นสิวได้อีกด้วย 

  • ผิวแพ้ง่าย หรือ ผิวบอบบาง

ผิวแพ้ง่าย หรือ ผิวบอบบาง เหมาะกับโฟมล้างหน้าที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเนื้อน้ำนม ครีมล้างหน้า และซินเดทที่มีความอ่อนโยนสูงหรือที่สกัดมาจากธรรมชาติที่มีความอ่อนโยน เพราะคลีนเซอร์เหล่านี้มีเนื้อสัมผัสทีอ่อนโยนต่อผิวและให้ความชุ่มชื้นสูงกว่า cleanser แบบอื่น จึงเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย 

ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ล้างหน้าเนื่องจากอาจทำให้ผิวเกิดการะคายเคืองจากส่วนผสมที่มีความรุนแรงได้  

  • ผิวแห้ง

ผิวแห้งเป็นสภาพผิวที่มีการสร้างความมันบนใบหน้าน้อย ทำให้อาจเกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัยและร่องลึกที่มาแบบไม่ทันรู้ตัวได้ 

คลีนเซอร์เหมาะกับผิวแห้งคือ เจลล้างหน้า ครีมล้างหน้า และโฟมล้างหน้าที่มีสารให้ความชุ่มชื้นสูง เนื่องจากคลีนเซอร์ดังกล่าวมีความชุ่มชื้นสูง ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง จึงทำให้เหมาะกับผิวแห้งถึงแห้งมากเป็นพิเศษ 

  • ผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสภาพผิวทั้งในผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวเป็นสิว จนถึงผิวอายุ 30-50+ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในเซลล์ผิวและเซลล์อื่น ๆ ในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 60% หรือมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว ถ้าผิวขาดน้ำและความชุ่มชื้นก็จะทำให้โครงสร้างผิวเสีย เกิดความหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอย และอาจเกิดความมันส่วนเกินได้มากขึ้น 

คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวขาดน้ำต้องช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟู ช่วยเติมน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น ครีมล้างหน้า และโฟมล้างหน้าเนื้อน้ำนม 

  • ผิวอายุ 30+

เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 30 สิ่งที่เป็นปัญหาหลักนั่นก็คือ ริ้วรอย ความชุ่มชื้นและความเต่งตึงที่เริ่มขาดหายไป รวมถึงความหมองคล้ำและโครงสร้างผิวหน้าที่เริ่มดูอ่อนแอไม่แข็งแรงเหมือนเดิม 

ดังนั้น คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวอายุ 30+ ต้องให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้เป็นอย่างดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก และบำรุงผิวให้มีโครงสร้างผิวที่แข็งแรง แลดูมีสุขภาพผิวดี ได้แก่ โฟมล้างหน้าที่ช่วยฟื้นฟูผิวอายุ 30+ เจลล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ครีมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว และโฟมสครับที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว 

  • ผิวอายุ 40-50

ผิวอายุ 40-50 มักเกิดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา และหน้าผาก 

ทั้งนี้คลีนเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสามารถช่วยให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีขึ้นได้ คือ ครีมล้างหน้าและโฟมล้างหน้าที่มีสารให้ความชุ่มชื้นจากธรรมชาติและมีสารบำรุงผิว เพื่อให้ผิวมีสุขภาพผิวดีเป็นส่วนผสม 

  • ผิวขาวกระจ่างใส

สำหรับ cleanser ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ นั่นก็คือ โฟมล้างหน้าที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส สบู่ล้างหน้าที่ช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส และโฟมสครับที่มีเม็ดบีตหรือสารสครับเป็นส่วนผสม 

cleanser ประเภทดังกล่าวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตั้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ขาวกระใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ 

วิธีเลือกโฟมล้างหน้า และผลิตภัณฑ์แนะนำที่ไม่ควรพลาด

 

คลีนเซอร์ ประเภทไหนเหมาะกับผิวเรา

โฟมล้างหน้า

เหมาะกับ ผิวมัน ผิวผสม ผิวหมองคล้ำ ผิวเป็นสิว เพราะโฟมล้างหน้ามักมีสูตรควบคุมความมัน รักษาสิว และปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสมากขึ้น และเนื้อโฟมล้างหน้าก็มีหลายเนื้อสัมผัสให้เลือกใช้ เช่น เนื้อน้ำนม ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีความอ่อนโยน เนื้อโฟม ทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ล้างออกง่าย

เจลล้างหน้า

เหมาะกับ ผิวผสม ผิวเป็นสิว ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ เพราะเจลล้างหน้ามีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่ในทางกลับกันก็ช่วยควบคุมความมัน ลดการผลิตความมันส่วนเกิน และลดการอุดตันได้ จึงสามารถรักษาสิว ปรับผิวให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น และแก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้

สบู่ล้างหน้า

เหมาะกับ ผิวหมองคล้ำ ผิวมัน สบู่ล้างหน้าส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมที่ค่อนข้างแรง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความขาวกระจ่างใส และกำจัดความมันส่วนเกินแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่ส่วนผสมที่รุนแรงก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองการอักเสบได้ แนะนำให้ทดสอบสบู่ที่หลังมือก่อนใช้บนผิวหน้าก่อน

สบู่ซินเดท

เหมาะกับ ผิวเป็นสิว ผิวมัน เพราะซินเดทเป็นคลีนเซอร์ที่คล้ายสบู่ แต่มีการปรับส่วนผสมให้มีความรุนแรงน้อยลงและเหมาะกับสภาพผิวมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะกับผิวเป็นสิวและผิวมัน เช่น สบู่รักษาสิว สบู่แบบนี้จะมีความอ่อนโยนกว่า บางฃครั้งอาจทำให้จากวัตถุจากธรรมชาติ

ครีมล้างหน้า

เหมาะกับ ผิวแห้ง ผิวแห้งมาก ผิวแพ้ง่าย ผิวอายุ 30-50+ เพราะ ครีมล้างหน้าเป็นคลีนเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง จึงเหมาะกับผิวแห้งถึงแห้งมาก ผิวแพ้ง่าย และผิวอายุ 30-50+ เนื่องจากเป็นผิวที่มักขาดความชุ่มชื้นและเกิดปัญหาผิวจากความแห้งตึงบ่อย เช่น ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ผิวเป็นขุย  

ผงล้างหน้า

เหมาะกับ ทุกสภาพผิว เนื่องจาก ผงล้างหน้าเป็นคลีนเซอร์แบบพกพาที่สามารถนำไปได้ทุกที่และให้ความสะดวกในเรื่องพื้นที่การจัดเก็บ จึงทำออกมาให้เหมาะกับทุกสภาพผิว คุณสมบัติหลักของผงล้างหน้าคือ กำจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวและรูขุมขน

โฟมสครับ

เหมาะกับ ผิวหมองคล้ำที่ต้องการความกระจ่างใส เพราะโฟมสครับจะมีส่วนผสมของเม็ดบีทและส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป จึงช่วยเผยผิวที่กระจ่างใสได้มากขึ้น

วิธีใช้ คลีนเซอร์ สำหรับแต่ละสภาพผิวหน้า

คลีนชิ่ง และคลีนเซอร์ ฉบับจัดเต็ม ใช้ให้ถูก มีแต่ได้กับได้!!

สภาพผิวหน้า

ผิวมัน

  • ควรซับความมันส่วนเกินออกจากผิวบ้างบางส่วนด้วยกระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้ามันก็ได้ 
  • ตามด้วยคลีนซิ่งที่ช่วยกำจัดความมันและสิ่งสกปรกที่ความมันจับยึดเอาไว้ออกไปบางส่วน 
  • แล้วจึงเริ่มใช้คลีนเซอร์ล้างหน้า 
  • หลังล้างหน้าอาจใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดอีกครั้งเพื่อกำจัดความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกให้หมดจด  

ผิวผสม

  • ซับความมันในส่วนทีโซน ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง ออกบางส่วน แล้วใช้ cleanser ล้างหน้าทำความสะอาดผิว 
  • จากนั้นให้นำโทนเนอร์ทำความสะอาดเช็ดอีกครั้งเพื่อให้สะอาดหมดจด 
  • หลังทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จแนะนำให้ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและไม่ให้ผิวส่วนที่เป็นผิวแห้งเกิดความแห้งตึง  

ผิวแพ้ง่าย หรือ ผิวบอบบาง

  • ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนต่อผิวและเหมาะกับผิวแพ้ง่าย โดยนวดอย่างเบามือมากที่สุด แนะนำให้ใช้น้ำเย็นล้างหน้าเพราะจะลดการระคายเคือง และทำให้ผิวหน้าสดชื่น รู้สึกผ่อนคลาย 
  • เมื่อล้างหน้าเสร็จให้ใช้โทนเนอร์บำรุงสูตรอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่ายเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง 
  • อาจจะมาสก์หน้าก่อนทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อบำรุงและผ่อนคลายผิว 

ผิวแห้ง

  • ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง อาจเป็นคลีนเซอร์ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้นสูง โดยค่อย ๆ นวดวนอย่างเบามือ 
  • จากนั้นให้ตามด้วยโทนเนอร์บำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิวและทำให้ผิวฉ่ำเด้งชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ 

ผิวขาดน้ำ

  • หากเป็นผิวมันขาดน้ำให้ใช้คลีนซิ่งเช็ดคราบมันและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่กับน้ำมันบนผิวหน้าออกก่อนบางส่วน 
  • จากนั้นให้ใช้ cleanser ที่เหมาะกับผิวขาดน้ำและให้ความชุ่มชื้นสูงล้างหน้าให้สะอาด 
  • หลังล้างหน้าเสร็จอาจมาสก์หน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นประจำเพื่อฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีน้ำและความชุ่มชื้นอีกครั้ง 

ผิวอายุ 30+

  • ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวโดยเฉพาะในเรื่องของริ้วรอย นวดผิวหน้าอย่างเบามือ 
  • หลังล้างหน้าเสร็จแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเช็ดหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าเพราะอาจจะทำให้เกิดริ้วรอยได้หากใช้ผ้าเช็ดหน้าเป็นเวลานาน 

คำแนะนำ ใช้โทนเนอร์บำรุงชุบสำสีให้เปียกแบบหมาด ๆ แล้วเช็ดหน้าแทน  

ผิวอายุ 40-50

  • ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วยการนวดวนบนผิวหน้าแบบเบามือ 
  • แล้วใช้โทนเนอร์บำรุงเช็ดผิวแทนการใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอย 
  • โทนเนอร์บำรุงที่ใช้อาจต้องมีส่วนผสมของวิตามินซีเป็นหลัก เนื่องจากวิตามินซีช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุนการสร้างโปรตีนและคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และสามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดการเกิดริ้วรอยได้ 

ผิวขาวกระจ่างใส

  • ให้ใช้โฟมสครับหรือโฟมล้างหน้าที่มีสารสครับผิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวล้างหน้า โดยให้นวดวนบนผิวหน้าอย่างเบามือ 
  • แนะนำให้ใช้น้ำเย็นในการล้างหน้าเพื่อให้ผิวได้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นมากขึ้น ซึ่งโฟมสครับชนิดเม็ดบีตแนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเท่านั้น เพราะหากใช้ทุกวันหรือบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เกิดสิว และเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นได้  

คลีนเซอร์ แบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับผิวคุณ

สภาพผิวหน้า

ผิวมัน

เหมาะกับโฟมล้างหน้าสูตรควบคุมความมันและลดการเกิดสิวมากที่สุด เนื่องจากผิวมันมีจำนวนต่อมไขมันอยู่มากและในบางครั้งก็อาจมีรูขุมขนที่กว้างกว่าผิวแบบอื่น ทำให้เกิดความมันส่วนเกินและการอุดตันในรูขุมขนบ่อย อีกทั้งปัญหาความมันและการอุดตันของผิวมันนี้ ยังทำให้เกิดสิวอยู่บ่อย หากคลีนเซอร์สามารถช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียได้ก็จะดีต่อผิวมากขึ้น

ผิวผสม

เหมากับเจลล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและเป็นสูตรควบคุมความมันส่วนเกิน เนื่องจากผิวผสมมีทั้งส่วนที่เป็นผิวมันและส่วนที่เป็นผิวแห้งผสมกันอยู่ ส่วนทีโซน (T-Zone) คือ หน้าผาก จมูก และคาง จะเป็นส่วนที่มีลักษณะคล้ายกับผิวมัน ทำให้เกิดความมันส่วนเกินในส่วนนี้บ่อย และส่วนอื่น บนใบหน้าที่เป็นผิวแห้งมักจะขาดความชุ่มชื้น

ผิวแพ้ง่าย หรือ ผิวบอบบาง

เหมาะกับครีมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิว เนื่องจากผิวแพ้ง่ายมักจะไวต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นภายนอกได้ง่ายกว่าผิวแบบอื่น เช่น สารเคมีที่เป็นส่วนผสมในคลีนเซอร์ หรือสารบางตัวที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวอยู่แล้ว เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือ กลุ่มสารกันเสีย สารแต่งสี น้ำหอม เป็นต้น อีกทั้งหากผิวแพ้ง่ายขาดความชุ่มชื้นก็จะเกิดการอักเสบและระคายเคืองได้ง่ายกว่าผิวแบบอื่น

ผิวแห้ง

เหมาะกับครีมล้างหน้าที่ใช้ความชุ่มชื้นสูง เนื่องจากผิวแห้งมีต่อมไขมันอยู่บนใบหน้าน้อย ทำให้ผิวค่อนข้างแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ปัญหาผิวแห้งมักก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ ฝ้า กระ การใช้คลีนเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจะช่วยลดปัญหาผิวแห้งได้

ผิวขาดน้ำ

เหมาะกับครีมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ผิวขาดน้ำเป็นปัญหาที่สามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว เช่น ผิวมันขาดน้ำ ก็จะมีลักษณะผิวมีความมันมากแต่กลับแห้งตึง หรือ ผิวแห้งขาดน้ำก็เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในผิวแห้ง ครีมล้างหน้าสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้มากและช่วยลดปัญหาผิวขาดน้ำได้

ผิวอายุ 30+

เหมาะกับโฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิว เนื่องจากผิว 30+ มักเจอปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และโครงสร้างผิวอ่อนแอลง เพราะคอลลาเจนและโปรตีนใต้ชั้นผิวเริ่มสร้างได้น้อยลง รวมถึงความชุ่มชื้นบนใบหน้าก็กักเก็บได้น้อยลง ทำให้ต้องเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

ผิวอายุ 40-50

หมาะกับโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้น และฟื้นฟูผิวโดยเฉพาะ ผิวในช่วงนี้จะมีความอ่อนแอค่อนข้างมาก ดังนั้นควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่ให้ความอ่อนโยนแก่ผิวได้ ไม่ควรมีส่วนผสมที่ทำร้ายผิวหรือทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และควรให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูด้วย เพราะผิวให้ช่วงนี้มีความชุ่มชื้นและความแข็งแรงของผิวที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ผิวขาวกระจ่างใส

เหมาะกับสบู่ล้างหน้าหรือซินเดทที่ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใส เพราะผิวหน้าที่หมองคล้ำอาจเกิดจากการโดนทำร้ายจากแสงแดดและเซลล์ผิวเก่าไม่ผลัดตัว คลีนเซอร์ที่ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสมักจะช่วยในเรื่องฟื้นฟูเซลล์ผิวและผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น

7 คำถาม! เกี่ยวกับ “คลีนเซอร์” หรือ “โฟมล้างหน้า” ที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจ 

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้ คลีนเซอร์

มีวิธีการดูง่าย ๆ ว่าเรากำลังแพ้ cleanser ที่ใช้อยู่หรือไม่ นั่นก็คือ ถ้าเราใช้คลีนเซอร์ตัวนี้แล้วมีอาการดังต่อไปนี้ 

ผิวแห้ง ผิวลอก ผิวเป็นขุย หน้าแห้ง ตึง

โดยอาการนี้มักเกิดจากคลีนเซอร์ที่ใช้ไม่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ช่วงกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว และกำจัดความชุ่มชื้นออกไปด้วย จึงทำให้หลังใช้คลีนเซอร์นั้นแล้ว ผิวเกิดความแห้งกร้าน บางครั้งอาจถึงขั้นแห้งเป็นขุยได้

ผิวเป็นผื่นแดง แสบร้อน หรือมีอาการคล้ายลมพิษ   

เป็นอาการแพ้ที่เกิดจากผิวหนังอักเสบ จนทำให้เกิดเป็นผื่นแดงและมีอาการแสบร้อนที่ผิว โดยอาจมาจากสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในคลีนเซอร์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือมีความรุนแรงต่อผิวมากเกินไป

สิวเห่อ สิวขึ้น สิวเม็ดเล็ก สิวผด ทั่วใบหน้าหรือเป็นกลุ่ม

อาการนี้พบได้บ่อยในการแพ้คลีนเซอร์ ลักษณะคือ สิวจะขึ้นเห่อเป็นบริเวณกว้าง บางคนอาจกระจายทั่วทั้งใบหน้า บางครั้งอาจขึ้นเป็นผื่นแดงคันร่วมด้วย แต่ไม่มีอาการแสบร้อนที่ผิว อาการนี้เกิดจากส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือ คลีนเซอร์ตัวนั้นไม่เหมาะกับผิว เช่น มีน้ำมันเป็นส่วนผสม ทำให้เกิดการอุดตันในผิวมันและผิวผสม

หน้ามันมากขึ้น

ผิวที่มีความมันมากขึ้นกว่าเดิมหลังล้างหน้าได้ไม่เกิน 30 นาที เป็นอาการที่คลีนเซอร์กำจัดความชุ่มชื้นออกจากผิวไปและทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น จนต่อมไขมันต้องผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากขึ้น ในบางครั้งอาจเกิดความแห้งตึงบนผิวร่วมกับความมันส่วนเกิน หรือที่เรียกว่า ผิวมันขาดน้ำ 

อาการคันบนผิวหน้า

อาการคันบนใบหน้า อาจเกิดจากส่วนผสมของคลีนเซอร์ที่มีความแรงต่อผิว หรือทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แต่ถือเป็นอาการแพ้คลีนเซอร์ที่ไม่รุนแรงมากนัก สามารถหายเองได้เมื่อหยุดใช้

จุดด่างดำ ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา ขาดน้ำ ไม่สดชื่นหลังล้างหน้า

คลีนเซอร์บางตัวอาจทำให้ผิวหมองคล้ำมากขึ้นหรืออาจเกิดจุดด่างดำบนผิวหน้าได้ เนื่องจากคลีนเซอร์นั้นอาจไม่เหมาะกับผิวหรือคลีนเซอร์ตัวนั้นทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น จนเกิดความแห้งบนผิวหน้า และอาจส่งผลให้ผิวบางลงและอ่อนแอกว่าเดิม ทำให้เกิดความหมองคล้ำง่าย

คำแนะนำ

เมื่ออาการดังกล่าวหลังจากที่ใช้คลีนเซอร์ให้หยุดการใช้ทันที และหยุดทำการใด ก็ตามที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เช่น การสครับผิวหน้า การแคะ แกะ เกา และการแต่งหน้า ควรให้อาการดีขึ้นและหายก่อนจึงสามารถกลับมาสครับผิวหรือแต่งหน้าได้

ทั้งนี้หากอาการแพ้คลีนเซอร์ยังไม่หายเป็นเวลาเกิน 2 สัปดาห์ อาจต้องพบเพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า