คลีนซิ่ง คลีนเซอร์ คืออะไร ? ใช้ตอนไหน ต่างกันอย่างไร

คลีนซิ่งใช้ตอนไหน

สารบัญ

คลีนซิ่ง VS คลีนเซอร์

เคยสงสัยกันไหมว่า เวลาพูดคุยกับพื่อนเรื่องการทำความสะอาดผิวหน้าบางคนก็จะแนะนำ เทคนิค ว่าให้ใช้คลีนซิ่งก่อนนะแล้วค่อยใช้คลีนเซอร์ หรือในเวลาที่เราไปซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าก็จะมีทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ให้เราได้เลือก สาวๆ บางคนจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าแล้วเจ้าสองตัวนี้เนี่ยต่างกันอย่างไร ในเมื่อทั้งสองตัวนี้อยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกัน

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า คลีนซิ่ง คืออะไร กับ คลีนเซอร์ คืออะไร? แล้วสองตัวนี้ต่างกันยังไง มีแบบไหนบ้าง และต้องใช้ตอนไหน ไปดูกันเลยค่ะ

คลีนซิ่ง

 

คลีนซิ่ง (Cleansing) คืออะไร ?

คลีนซิ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอาง หรือ make up remover หลักๆ เจ้าตัวคลีนซิ่งจะทำหน้าที่ขจัดคราบเครื่องสำอางออกไปเท่านั้น ซึ่งหากสาวๆ คนไหนที่แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดดเป็นประจำ ควรใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนล้างหน้า เพราะในเครื่องสำอางและครีมกันแดดหลายๆ ตัวนั้นมีคุณสมบัติของการกันน้ำอยู่ ถ้าไม่เช็ดเครื่องสำอางหรือครีมกันแดดเหล่านั้นออกให้หมดก่อน ก็อาจจะทำให้เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่มาจากคราบเครื่องสำอางเก่าจนก่อให้เกิดสิวได้ค่ะ 

คลีนซิ่ง

คลีนซิ่งมีกี่แบบและเหมาะกับผิวแบบไหน

คลีนซิ่งมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน การเลือกใช้คลีนซิ่งที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำความสะอาดผิวมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ

คลีนซิ่งน้ำนม (Cleansing Milk)

คลีนซิ่งน้ำนม เหมาะกับผิวมัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมเบาบางและให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ใช้สำลีชุบคลีนซิ่งน้ำนมแล้วเช็ดเบา ๆ ทั่วใบหน้า คลีนซิ่งน้ำนมช่วยขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง

คลีนซิ่งแบบน้ำ (Micellar Water)

คลีนซิ่งแบบน้ำ หรือ Micellar Water เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีเนื้อเบาและอ่อนโยน สามารถใช้กับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย วิธีใช้ก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ใช้สำลีชุบคลีนซิ่งและเช็ดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า สามารถช่วยขจัดเครื่องสำอาง และยังรวมไปถึงสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องล้างออก เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการทำความสะอาดผิวอย่างเร่งด่วน แต่ก็ยังมีความอ่อนโยนสูง

คลีนซิ่งออย (Cleansing Oil)

คลีนซิ่งออย หรือ Cleansing Oil ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้ว ตัวคลีนซิ่งเองก็มี “น้ำมัน” เป็นส่วนผสม เหมาะสำหรับการล้างเครื่องสำอางที่ติดทนเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเครื่องสำอางแบบกันน้ำ เมื่อใช้คลีนซิ่งออยจะต้องนวดบนผิวแห้งเพื่อให้น้ำมันละลายเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น คลีนซิ่งออยเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งและผิวผสม เนื่องจากช่วยให้ความชุ่มชื้นและไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

คลีนซิ่งชนิดโฟม (Foam Cleansing)

คลีนซิ่งชนิดโฟม หรือ Foam Cleansing มีลักษณะเป็นโฟมที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก โดยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม แต่ควรระวังสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งเกินไป

คลีนซิ่งมีประโยชน์อย่างไรสำหรับคนเป็นสิว

คลีนซิ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลผิวที่เป็นสิว ช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และแบคทีเรียที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว การใช้คลีนซิ่งอย่างเหมาะสมจะช่วยลดการเกิดสิวใหม่และบรรเทาอาการอักเสบของสิวที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน

หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวคือการอุดตันของรูขุมขนจากสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่สะสมบนผิวหน้า การใช้คลีนซิ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และคราบเครื่องสำอางที่ตกค้างบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งเป็นประจำจะช่วยลดความมันบนใบหน้าและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นการลดโอกาสการเกิดสิวใหม่

ลดการอักเสบของสิว

คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของสารต้านแบคทีเรียและสารลดการอักเสบสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ โดยการขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและการเกิดสิว คลีนซิ่งบางชนิดยังมีส่วนผสมของสารที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น สารสกัดจากชาเขียวหรือว่านหางจระเข้ ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบ ทำให้ผิวหน้ารู้สึกสบายและลดรอยแดงจากสิว

เตรียมผิวสำหรับการรักษาสิว

ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเตรียมผิวสำหรับการรักษาสิว ด้วยการขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว เช่น เซรั่มหรือครีมรักษาสิว สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้องจะช่วยให้การรักษาสิวมีผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นและลดระยะเวลาในการรักษา

การเลือกใช้คลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิว

การเลือกคลีนซิ่งที่ถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดการเกิดสิวและรักษาสิวให้หายเร็วขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว

เลือกคลีนซิ่งที่มีส่วนผสมอ่อนโยน

สำหรับคนที่มีปัญหาสิว ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมอ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หลีกเลี่ยงคลีนซิ่งที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง สารเคมีเหล่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวมากขึ้น

เลือกคลีนซิ่งที่มีสารต้านแบคทีเรีย

คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของสารต้านแบคทีเรีย เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) จะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ กรดซาลิไซลิกมีคุณสมบัติในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเปิดรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าสะอาดและลดการอุดตันของรูขุมขน

เลือกคลีนซิ่งที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป

การรักษาความสมดุลของความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่มีปัญหาสิว ควรเลือกคลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กลีเซอรีน (Glycerin) หรือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งเกินไปและลดการระคายเคือง

คลีนซิ่งใช้ตอนไหน?

คลีนซิ่งใช้ตอนไหน  หรือจะเป็นก่อนล้างหน้าจริง คือ ตอนที่ผิวหน้ายังมีเมคอัพแบบจัดเต็มและยังแห้งๆ อยู่ ไม่เปียกน้ำ เพราะการเช็ดเครื่องสำอางออก ถ้าผิวหน้าแห้งๆ อยู่หรือไม่เปียกน้ำก็จะทำให้เช็คออกได้ง่ายขึ้นค่ะ

คลีนซิ่งแนะนำ Purifying Cleansing Water

สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาสิวและผิวมัน หรือมีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวบ่อย แนะนำ Purifying Cleansing Water คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้าสูตรน้ำจาก AquaPlus Thailand ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว อ่อนโยนและสะอาดหมดจด แม้ในเครื่องสำอางสูตรกันน้ำ กระซับรูขุมขน บรรเทาการอักเสบของสิว ลดการสะสมของแบคทีเรียที่ก่อในเกิดสิว เพื่อคืนความสวยใสให้กับสาวๆ 

อ่านเพิ่มเติม: แนวทางการใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ทำความสะอาดหน้า

 

คลีนเซอร์ (Cleanser) คืออะไร ?

คลีนเซอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าลึกถึงรูขุมขนและใช้คู่กับน้ำ โดยจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก คราบความมัน และสิ่งตกค้างต่างๆ ให้หลุดออกไปจากผิวหน้า รวมถึงใช้ทำความสะอาดคราบคลีนซิ่งที่เราใช้เช็ดเครื่องสำอางออกไปก่อนที่จะล้างหน้าจริงด้วยคลีนเซอร์ ซึ่งหลายๆ คนจะรู้จักกันในชื่อของโฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า หรือสบู่ล้างหน้า พูดง่ายๆ ก็คือ คลีนเซอร์เป็นตัวล้างหน้าจริง ล้างสิ่งปรกต่างๆ ออกไปจากผิวหน้าจริงๆ และต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดนั่นเอง

ทำไมการใช้ คลีนเซอร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

คลีนเซอร์สำคัญกับการดูแลผิวหน้ามาก เพราะแน่นอนว่าในแต่ละวันผิวหน้าเราต้องเจอกับฝุ่นควันและสิ่งสกปรก มีการผลิตความมันส่วนเกิน เหงื่อไคล และอาจเจอกับเชื้อแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักเป็นปัญหาหลักในการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ 

ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวในหมวดของ cleanser ที่มีคุณสมบัติหลักในการทำความสะอาดผิวหน้า กำจัดความมัน แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้ออกไปจากรูขุมขน 

โดยทั่วไปแล้วสารทำความสะอาดที่ใช้เป็นส่วนผสมใน cleanser มักใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือ 

  • สารทำความสะอาดผิวแบบประจุลบ 
  • สารทำความสะอาดผิวแบบไม่มีประจุ 

เนื่องจากมีความอ่อนโยนและเหมาะกับผิวมากกว่าสารทำความสะอาดผิวประเภทอื่น 

โดยสารทำความสะอาดในทางวิทยาศาสตร์จะเรียกว่า “สารลดแรงตึงผิว” ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดแรงตึงผิวของน้ำทำให้เกิดฟองและเกิดกระบวนการทำความสะอาดผิว

สารลดแรงตึงผิวจะมีขั้วที่ชอบน้ำและไม่ชอบน้ำ ส่วนที่ชอบน้ำจะหันไปจับกับน้ำและส่วนที่ไม่ชอบน้ำจะหันไปจับกับไขมันและสิ่งสกปรกที่ไม่ใช่น้ำ เมื่อเราล้างคลีนเซอร์ออกด้วยน้ำ สารลดแรงตึงก็จะออกจากผิวหน้าไปตามน้ำที่ใช้ล้างคลีนเซอร์ออกพร้อมกับนำไขมันและสิ่งสกปรกออกไปด้วย

 

คลีนเซอร์


ประเภทของคลีนเซอร์

การเลือกใช้ คลีนเซอร์ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทของผิว เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดูแลผิวหน้า ซึ่งคลีนเซอร์เองก็มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับแต่ล่ะประเภทของผิวหน้า และปัญหาที่เจอต่างกัน และวันนี้เราจะมาแนะนำคุณสมบัติ และวิธีการเลือกคลีนเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละแบบ คลีนเซอร์มีทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ 

โฟมล้างหน้า

โฟมล้างหน้า มีลักษณะเป็นเนื้อโฟมนิ่ม เนื้อละเอียด เมื่อสัมผัสน้ำจะเกิดเป็นฟองนุ่มฟู ทำให้มีขีดความสามารถในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกเป็นพิเศษ สามารถขจัดสิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว เหมาะสมกับผิวมัน และผิวผสม ข้อควรระวังสำหรับ โฟมล้างหน้า ก็คือ สำหรับผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย เพราะโฟมล้างหน้าอาจจะทำให้หน้าของคุณแห้งมากจนเกินไป 

เจลล้างหน้า

เจลล้างหน้า มีลักษณะเป็นเจล ตามชื่อเรียก ลักษณะเบาและใส ส่วนใหญ่มักจะไม่มีฟอง หรือมีฟองน้อยมาก เหมาะกับผิวที่เป็นสิว และผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษ เจลล้างหน้าสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างดี แต่ก็มาพร้อมความอ่อนโยนกว่า คุณลักษณะพิเศษคือไม่ทำให้ผิวหน้าไม่แห้งตึงเกินไปหลังจากใช้งาน เหมาะกับผิวแห้ง และผิวธรรมดา

สบู่ล้างหน้า

สบู่ล้างหน้า มีลักษณะเป็นก้อน อย่างไรก็ตาม สบู่ล้างหน้าอาจมีความเป็นด่างสูง ทำให้บางครั้งอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ เหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวมัน แต่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ส่วนใหญ่สบู่ล้างหน้ามักใช้เพื่อเพิ่มความขาวกระจ่างใส จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำอีกด้วย

สบู่ซินเดท

สบู่ซินเดท หรือ Syndet เป็นคลีนเซอร์ที่พัฒนามาจากสบู่ล้างหน้าเพื่อให้มีความอ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวมากขึ้น เป็นสบู่สังเคราะห์ที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวหนังมากกว่าสบู่ทั่วไป ซินเดทมักใช้สำหรับลดสิว รักษาสิว ควบคุมความมัน และลดเลือนรอยสิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย

ครีมล้างหน้า

ครีมล้างหน้า มีลักษณะเป็นเนื้อครีม ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวในขณะทำความสะอาด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ให้ความชุ่มชื้นสูงมากที่สุดในบรรดา cleanser ทั้งหมด เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ถึง แห้งมาก และคนที่ต้องการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และที่สำคัญ ครีมล้างหน้ายังสามารถช่วยบำรุงผิวไปพร้อม ๆ กับการทำความสะอาด ทำให้ผิวหน้านุ่มนวลและไม่แห้งตึง  

ผงล้างหน้า

ผงล้างหน้า มีลักษณะเป็นผง เมื่อโดนน้ำจะละลายและเกิดเป็นฟอง หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จัก โดยทั่วไปแล้วผงล้างหน้าจะมีสูตรทำความสะอาดผิวหน้าแบบทั่วไป ผงล้างหน้ามีความอ่อนโยนและสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายเนื่องจากไม่มีสารเคมีที่ระคายเคือง จึงนิยมนำไปใช้เมื่อต้องไปตั้งแคมป์เดินป่าหรือการเดินทางที่ไม่ต้องการพกอุปกรณ์มาก 

โฟมสครับ

โฟมสครับ เป็นคลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของเม็ดสครับเล็ก ๆ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน เหมาะกับคนที่ต้องการสครับผิวพร้อมกับทำความสะอาดผิวไปด้วยและคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำหรือมีรอยสิว แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิวหรือกำลังมีสิวขึ้นอยู่ และควรใช้อย่างระมัดระวังสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เพราะจะทำให้สิวอักเสบและเป็นหนักกว่าเดิม

เลือกคลีนเซอร์อย่างไรดี

การเลือกคลีนเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจดและสุขภาพดี แต่หลายคนมักจะมองข้ามจุดนี้ไปอย่างน่าเสียดาย วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกคลีนเซอร์ที่ถูกต้องไม่เพียงแต่จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของผิวและป้องกันการเกิดปัญหาผิวที่จะตามมาได้อีกด้วย

ผิวปกติ

ผิวปกติ มักจะเป็นผิวที่มีความสมดุลของผิวอยู่แล้ว ไม่มีความมัน หรือ ความแห้งมากเกินไป การเลือกคลีนเซอร์สำหรับผิวปกติควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวแห้งหรือมันเกินไป เช่น โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า หรือครีมล้างหน้า ที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นและปราศจากสารเคมีที่รุนแรง

ผิวผสม

ผิวผสมคือผิวที่มีความมันบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) และแห้งหรือธรรมดาบริเวณแก้ม การเลือกคลีนเซอร์สำหรับผิวผสมควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันในบริเวณ T-zone แต่ก็จะไม่ทำให้ส่วนที่แห้ง เกิดความแห้งเกินไป เช่น เจลล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสารควบคุมความมัน และสารให้ความชุ่มชื้น

ผิวเป็นสิวง่ายและผิวมัน

ผิวมันและผิวที่เป็นสิวง่ายต้องการคลีนเซอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน การเลือกคลีนเซอร์สำหรับผิวมันควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารช่วยลดสิว เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือกรดเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ซึ่งมีคุณสมบัติในการขจัดแบคทีเรียและควบคุมความมัน

ผิวแห้ง

ผิวแห้งต้องการคลีนเซอร์ที่มีความชุ่มชื้นสูงและไม่ทำให้ผิวแห้งตึง การเลือกคลีนเซอร์สำหรับผิวแห้งควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น ครีมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยให้ผิวคงความนุ่มนวลและไม่แห้งกร้านจนเกินไป

ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่ายเป็นประเภทผิวที่ควรจะต้องใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะผิวแพ้ง่ายต้องการคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสียที่รุนแรง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและผ่านการทดสอบสำหรับผิวแพ้ง่าย

ผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสภาพผิวทั้งในผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวเป็นสิว จนถึงผิวอายุ 30-50+ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในเซลล์ผิวและเซลล์อื่น ๆ ในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากถึง 60% หรือมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว ถ้าผิวขาดน้ำและความชุ่มชื้นก็จะทำให้โครงสร้างผิวเสีย เกิดความหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอย และอาจเกิดความมันส่วนเกินได้มากขึ้น 

คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวขาดน้ำต้องช่วยให้ผิวได้รับการฟื้นฟู ช่วยเติมน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น ครีมล้างหน้า และโฟมล้างหน้าเนื้อน้ำนม 

ผิวอายุ 30+

เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 30 สิ่งที่เป็นปัญหาหลักนั่นก็คือ ริ้วรอย ความชุ่มชื้นและความเต่งตึงที่เริ่มขาดหายไป รวมถึงความหมองคล้ำและโครงสร้างผิวหน้าที่เริ่มดูอ่อนแอไม่แข็งแรงเหมือนเดิม 

ดังนั้น คลีนเซอร์ที่เหมาะกับผิวอายุ 30+ ต้องให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้เป็นอย่างดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก และบำรุงผิวให้มีโครงสร้างผิวที่แข็งแรง แลดูมีสุขภาพผิวดี ได้แก่ โฟมล้างหน้าที่ช่วยฟื้นฟูผิวอายุ 30+ เจลล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ครีมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว และโฟมสครับที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว 

ผิวอายุ 40-50

ผิวอายุ 40-50 มักเกิดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา รอบดวงตา และหน้าผาก 

ทั้งนี้คลีนเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวสามารถช่วยให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีขึ้นได้ คือ ครีมล้างหน้าและโฟมล้างหน้าที่มีสารให้ความชุ่มชื้นจากธรรมชาติและมีสารบำรุงผิว เพื่อให้ผิวมีสุขภาพผิวดีเป็นส่วนผสม 

ผิวขาวกระจ่างใส

สำหรับ cleanser ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ นั่นก็คือ โฟมล้างหน้าที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส สบู่ล้างหน้าที่ช่วยในเรื่องความขาวกระจ่างใส และโฟมสครับที่มีเม็ดบีตหรือสารสครับเป็นส่วนผสม 

cleanser ประเภทดังกล่าวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและกระตั้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ขาวกระใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ 

คลีนเซอร์ใช้ตอนไหน?

คลีนเซอร์จะใช้หลังจากที่เราเช็ดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งเสร็จแล้ว โดยเราจะทำให้ผิวหน้าเปียกก่อนแล้วจึงล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์อย่างล้ำลึก เพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิว จากนั้นจึงใช้น้ำสะอาดล้างคลีนเซอร์ออก เป็นอันเสร็จสิ้นการทำความสะอาดผิวหน้า หรือถ้าสาวๆ คนไหนที่ไม่ได้แต่งหน้าก็สามารถใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าได้เลย โดยไม่ต้องใช้คลีนซิ่งก่อน

วิธีใช้คลีนเซอร์อย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวประจำวัน การใช้คลีนเซอร์อย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดหมดจด แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ อีกด้วย หลายคนอาจคิดว่าการล้างหน้าเป็นเรื่องง่าย แต่การล้างหน้าให้ถูกวิธีต้องอาศัยขั้นตอนที่ถูกต้องและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มาดูกันว่าควรล้างหน้าอย่างไรให้ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทำความสะอาดมือ

ก่อนที่จะล้างหน้า ควรล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการนำสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคจากมือไปสู่ผิวหน้า การใช้สบู่และน้ำอุ่นในการล้างมือจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น

เริ่มต้นการล้างหน้าด้วยการใช้น้ำอุ่นพอเหมาะ น้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินถูกขจัดออกได้ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

ใช้คลีนเซอร์ในปริมาณที่เหมาะสม

บีบหรือหยดคลีนเซอร์ลงบนฝ่ามือในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปประมาณขนาดเท่าเมล็ดถั่ว น้อยหรือมากเกินไปอาจทำให้การทำความสะอาดไม่เต็มประสิทธิภาพหรือสิ้นเปลืองผลิตภัณฑ์โดยไม่จำเป็น

นวดเบา ๆ

ใช้ปลายนิ้วมือ นวดคลีนเซอร์บนผิวหน้าอย่างเบามือในทิศทางเป็นวงกลม เน้นบริเวณที่มีความมันหรือเครื่องสำอางตกค้าง เช่น หน้าผาก จมูก และคาง การนวดเบา ๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้คลีนเซอร์ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น

ล้างออกด้วยน้ำเย็น

หลังจากนวดคลีนเซอร์ให้ทั่วใบหน้าแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น น้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขนและทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนเพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

ซับหน้าด้วยผ้าสะอาด

หลังจากล้างหน้าเสร็จ ควรใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ที่สะอาดซับหน้าเบา ๆ อย่าถูหรือเช็ดหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ การซับหน้าเบา ๆ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวและลดการระคายเคือง




AquaPlus แบรนด์ที่เชี่ยวชาญสกินแคร์ดูแลผิวมัน

สรุป

การเลือกใช้คลีนเซอร์และคลีนซิ่งที่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวหน้าของคุณสะอาดหมดจดและสุขภาพดี คลีนเซอร์เน้นการทำความสะอาดผิวหน้าจากสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน โดยมีหลายประเภท เช่น โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า สบู่ล้างหน้า สบู่ซินเดท ครีมล้างหน้า ผงล้างหน้า และโฟมสครับ ซึ่งแต่ละประเภทเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน คลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อขจัดเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินที่ตกค้างบนผิวหน้า มีหลายรูปแบบ เช่น คลีนซิ่งแบบน้ำ คลีนซิ่งออย คลีนซิ่งน้ำนม และคลีนซิ่งชนิดโฟม การใช้คลีนซิ่งเป็นประจำช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและป้องกันการเกิดสิว สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว การเลือกใช้คลีนซิ่งที่อ่อนโยนและมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียจะช่วยลดการอักเสบของสิวและเตรียมผิวให้พร้อมรับการรักษาสิว การทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยลดสิวใหม่ แต่ยังช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูสุขภาพดีและสดใสอยู่เสมอ
 
สุดท้ายนี้ การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการดูแลผิวที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูสดใส สุขภาพดี และมีความสมดุลตลอดเวลา

 

คลีนเซอร์แนะนำ

โฟมล้างหน้า สูตรน้ำนม Aqua+ Series Skin Soothing Milky Wash เหมาะกับทุกสภาพผิว 

ทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว อ่อนโยนด้วยสูตรน้ำนม ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มีมอยซ์เจอร์ที่ช่วยให้ผิวแลดูกระชับและชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยฟื้นบำรุงผิว ลดการอุดตันและการอักเสบของสิว อีกทั้งยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและมีสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

เคล็ดลับการจำ: คลีนซิ่งใช้ก่อนตอนหน้าแห้ง ส่วนคลีนเซอร์ใช้ทีหลังตอนหน้าเปียกนะคะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า