สารบัญ
“น้ำตบ” สกินแคร์ประเภทเอสเซ้นส์ที่ช่วยบำรุงดูแล ผิวขาวใส หน้าใสไร้สิว โดยมีจุดเด่นคือมีเนื้อสัมผัส เอสเซ้นส์แบบน้ำ (Water Essence) หรือกึ่งน้ำ โดยอาจจะมีทั้งแบบใสและแบบขุ่น แบบเหลวหรือแบบกึ่งข้น และมักมีชื่อเรียกในวงการความงามได้หลายแบบทั้ง น้ำตบ, เอสเซ้นส์, โลชั่นน้ำตบ, เอสเซ้นส์โลชั่น, เอสเซ้นส์โทนเนอร์โลชั่น หรืออิมัลชั่น และด้วยความที่มีเนื้อบางเบาดุจน้ำนี่เอง จึงเหมาะกับสภาพผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย
1.“น้ำตบ” มีคุณสมบัติอย่างไร
คุณสมบัติหลักของ “น้ำตบ” จะเป็นเรื่องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า โดยน้ำตบจะเป็น เอสเซ้นส์ หน้าใส ที่เติมเต็มน้ำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมีชีวิตชีวาได้ หรือน้ำตบบางสูตรก็เพิ่มเรื่องการลดริ้วรอย ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ หรือสามารถเพิ่มคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวใส ลดจุดด่างดำ ลดเลือนรอยสิว เน้นช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว ลดปัญหาสิวอุดตัน หน้าใสไร้สิว ช่วยกระชับรูขุมขนได้ด้วย
อ่านเพิ่มเติม : “น้ำตบ” หน้าใส ตัวช่วยกู้ผิวหน้าหมองคล้ำ
2.“น้ำตบ” ขั้นตอนพิเศษบำรุงผิวหน้า
การใช้ “น้ำตบ” จะเป็นขั้นตอนพิเศษลำดับแรกของการลงสกินแคร์หลังจากล้างหน้าสะอาดแล้ว หรือบางคนหลังจากที่ล้างหน้าแล้วจะเช็ดด้วยโทนเนอร์ก่อนใช้น้ำตบก็ได้ เพราะธรรมชาติของการล้างหน้าทำความสะอาดจะเป็นการชำระล้างไขมันดีบนผิวหน้าไปด้วยบางส่วน ลดผิวหน้ามัน และโทนเนอร์ก็จะยิ่งช่วยทำความสะอาดรูขุมขน และเปิดผิวให้พร้อมรับสกินแคร์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จใหม่ๆ รูขุมขนจะยังคงเปิด ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเติมสกินแคร์บำรุงลงผิวเป็นที่สุด
คุณค่าหลักของ ”น้ำตบ” จึงเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้ารู้สึกชุ่มชื่น อิ่มน้ำ และเป็นเสมือนเกราะปราการปกป้องผิวในระดับแรกสุดให้คงความแข็งแรงมีชีวิตชีวา ทั้งยังทำหน้าที่เป็นการเตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้อย่างดีที่สุด เหมือนที่เค้าเรียกกันว่าเป็นการเซ็ตผิว หรือการปลุกผิว หรือกระตุ้นผิวให้เกิดการรับสกินแคร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยอาศัยการตบเบาๆ บนผิวหน้าหรือการเช็ดด้วยสำลีเบาๆ เป็นตัวช่วยเสริมคุณสมบัติของน้ำตบแต่ละตัวด้วยนั่นเอง
3.“น้ำตบ” ที่ดีที่สุดกับผิวแต่ละประเภท
“น้ำตบ” หรือเอสเซ้นส์สูตรน้ำ เป็นสกินแคร์บำรุงผิวที่มีโมเลกุลเล็ก จึงทำให้ผิวสัมผัสบางเบา สบายผิว สามารถซึมเข้าไปในชั้นผิวได้ง่าย และล้ำลึกกว่าในรูปแบบอื่น ไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ
เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย และเหมาะกับแต่ละสภาพผิวอีกด้วย
- สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ก็ควรเลือก “น้ำตบ” สูตรเติมเต็มความชุ่มชื้นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์อยู่ในระดับสูง
- ผิวมัน ก็ควรเลือก “น้ำตบ” สูตรควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า และมีส่วนผสมที่ช่วยขจัดปัญหาสิวอุดตันได้ ช่วยลดสิวได้ดี ไม่ทำให้มีสิวเพิ่มขึ้นมา
- หากเรามีผิวผสมก็ควรเลือก “น้ำตบ” สูตรที่เหมาะกับผิวผสม เพราะจะช่วยดูแลทั้งผิวแห้ง-ผิวมันบนใบหน้าไปพร้อมกันอย่างสมดุล
- สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรเลือก “น้ำตบ” สูตรอ่อนโยนกับผิวบอบบางแพ้ง่าย ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ที่อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ และได้รับการทดลองว่าปลอดภัยกับผิวแพ้ง่ายอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : วิธีดูแลผิวแพ้ง่าย
4.“น้ำตบ” วิธีดูแลผิวหน้าแบบง่าย ๆ
- ทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จ ให้ใช้ “น้ำตบ” ทันที เพราะหลังล้างหน้ารูขุมขนกำลังเปิดอยู่ เหมาะแก่การบำรุงผิวขั้นแรก จะใช้หยดบนสำลีแล้วเช็ดผิว หรือ หยดบนฝ่ามือแล้วตบเบาๆให้ทั่วใบหน้าก็ได้
- วอร์ม “น้ำตบ” ก่อนลงบนผิว เพราะอุณหภูมิความอุ่นของฝ่ามือเรา จะช่วยผลักเนื้อผลิตภัณฑ์ “น้ำตบ” เข้าสู่ชั้นผิวได้เร็วขึ้น
- หลังจากใช้ “น้ำตบ” แล้ว ควรลงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีตาม อย่างเช่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือ เซรั่มวิตามินซี จะยิ่งช่วยให้หน้าใส เพราะว่าวิตามินซีจะละลายในน้ำและถูกดูดซึมได้ดีเมื่อผิวของเรายังมีความชุ่มชื้นอยู่
- “น้ำตบ” สามารถใช้บนผิวกายได้ด้วย ทำให้ผิวกายเนียนนุ่มกระจ่างใส ให้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม : รีวิวน้ำตบ หน้าใส ลดสิว